ตกขาวเป็นสารคัดหลั่งบริเวณช่องคลอดที่ทำหน้าที่หล่อลื่น รักษาความชุ่มชื้น ทำความสะอาด และป้องกันการติดเชื้อภายในช่องคลอด ตกขาวโดยปกติจะเป็นสีใสหรือขาวขุ่นและไม่มีกลิ่น แต่บางครั้ง ตกขาวก็อาจมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีตกขาวแล้วเกิดอาการคัน ทำให้ไม่สบายตัวและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จนต้องรีบหาวิธีว่า ว่า ตกขาวคันแก้ยังไง โดยทั่วไป การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การดูแลความสะอาดของช่องคลอด อาจช่วยบรรเทาอาการคันได้ แต่หากอาการคันไม่ดีขึ้นและมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตกขาวเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว สีเหลือง ตกขาวมีกลิ่น ตกขาวเป็นก้อนแป้ง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
ตกขาวคัน เกิดจากสาเหตุใด
ตกขาวเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่หากมีตกขาวพร้อมกับมีอาการคันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
การมีพฤติกรรมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ช่องคลอดระคายเคือง เช่น
- การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
- การสวมกางเกงชั้นในเนื้อหยาบ
- การซักกางเกงชั้นในด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีน้ำหอมหรือเป็นสูตรเข้มข้น
- การใช้ครีม โลชั่น สบู่ โดยเฉพาะยี่ห้อที่แต่งเติมกลิ่น บริเวณอวัยวะเพศ
- การใช้ถุงยางอนามัย
- การสวนล้างช่องคลอดหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
โดยทั่วไปอาการคันจะบรรเทาลงเมื่อหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันและระคายเคือง
การมีภาวะสุขภาพ อย่างภาวะช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis) เนื่องจากติดเชื้อ เช่น รา (ยีสต์) แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว ส่งผลให้ตกขาวเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล สีเขียว สีเหลือง มีกลิ่นเหม็นคาว และเกิดอาการคันและระคายเคือง โดยการติดเชื้อบริเวณช่องคลอดชนิดที่พบบ่อยและควรรีบเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ อาจมีดังนี้
- โรคช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) เกิดจากแบคทีเรียชนิดไม่ดีในช่องคลอดเพิ่มจำนวนมากเกินไปจนปริมาณแบคทีเรียชนิดดีและไม่ดีในช่องคลอดเสียสมดุล ทำให้เกิดการติดเชื้อและนำไปสู่การอักเสบ อาจมีตกขาวชั้นบาง ๆ เป็นสีขาว สีเทา สีเขียว มีกลิ่นเหมือนคาวปลา และช่องคลอดคันและระคายเคือง
- โรคติดเชื้อแคนดิดา (Candida infection) เกิดจากการติดเชื้อราชนิดยีสต์ที่เรียกว่าแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งเป็นเชื้อฉวยโอกาสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด (Yeast infection) ส่งผลให้ตกขาวเป็นครีมข้นคล้ายก้อนแป้ง ร่วมกับมีอาการคัน บวมแดง แสบร้อนบริเวณปากช่องคลอด โดยเฉพาะขณะถ่ายปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
- โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ทำให้ตกขาวผิดปกติ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีเขียว เป็นฟอง ส่งกลิ่นเหม็น มีอาการคัน ระคายเคือง เจ็บบริเวณปากช่องคลอด โดยเฉพาะขณะถ่ายปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
- โรคหนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) มักเกิดร่วมกับโรคหนองในแท้ (Gonorrhea) ที่เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่าไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria Gonorrhoeae) โดยทั่วไปการเกิดโรคหนองในเทียมในระยะแรกมักไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการใด ๆ จนทำให้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อการติดเชื้อเชื้อรุนแรงขึ้นอาจทำให้เกิดตกขาวมูกปนหนอง ช่องคลอดส่งกลิ่นเหม็น รู้สึกระคายเคือง คัน ปวดหรือแสบขณะขับถ่ายปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
ตกขาวคันแก้ยังไง
การรักษาอาการตกขาวคันจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยทั่วไปคุณหมอจะแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการดูแลสุขอนามัยทางเพศให้ดีขึ้น และปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ถูบริเวณอวัยวะเพศโดยตรง ควรใช้เพียงน้ำเปล่าทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
- ไม่สวนล้างช่องคลอด (Douching) หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอม หรือแป้งที่อาจทำให้อวัยวะเพศระคายเคือง
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติและคันช่องคลอดได้ด้วย
- หากช่องคลอดติดเชื้อ ควรใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่น หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เพื่อลดการระคายเคืองและลดความเสี่ยงที่เชื้อจะลุกลาม
- สวมกางเกงหรือกระโปรงที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นบริเวณง่ามขามากเกินไป จนทำให้บริเวณอวัยวะเพศเสี่ยงระคายเคือง อับชื้น หรือติดเชื้อ
- สวมกางเกงชั้นในที่ซับในเป้ากางเกงทำจากผ้าฝ้าย อาจช่วยลดความอับชื้นบริเวณอวัยวะเพศได้
- คุณหมออาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ เช่น เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ทินิดาโซล (Tinidazole) สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียและปรสิต
- หากรักษาจนอาการตกขาวคัน หรือการติดเชื้อบริเวณช่องคลอดหายไปแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ และควรให้คู่นอนไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายและตรวจคัดกรองการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากพบว่าติดเชื้อก็ควรรับการรักษาให้หายโดยเร็ว โดยเฉพาะการติดเชื้อบางชนิดควรรักsex partnerด้วยแม้ว่าจะไม่มีอาการใดๆก็ตาม เมื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน เช่น Chlamydia และ Trichomonas
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
หากมีอาการต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาให้หายเป็นปกติ
- ตกขาวผิดไปจากปกติ เช่น มีปริมาณมากกว่าปกติร่วมกับมีสีเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว มีมูกปนหนอง หรือมีกลิ่นเหม็นคาว
- มีอาการคัน ระคายเคือง หรือบวมแดง บริเวณอวัยวะเพศ
- มีแผลพุพองหรือเป็นแผลที่ช่องคลอด
- มีอาการแสบร้อนบริเวณอวัยวะเพศขณะถ่ายปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
- อาการตกขาวคัน หรือความผิดปกติบริเวณช่องคลอดไม่หายไปหลังจากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ หากมีข้อสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากยารักษาโรค เช่น ยาปฏิชีวนะ ที่กำลังใช้อยู่ หรือหากกังวลว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอนเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือเกิดข้อผิดพลาดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางแตก ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายและรับการรักษาอย่างเหมาะสม