backup og meta

รักษาเริมที่ปาก สามารถทำได้อย่างไร

รักษาเริมที่ปาก สามารถทำได้อย่างไร

โรมเริม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถพบได้บ่อย เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex virus (HSV) ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการและอาจไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อไวรัส หากเริ่มรุนแรง อาจมีอาการเจ็บปวดในปาก เหงือก ลิ้น โดยการ รักษาเริมที่ปาก อาจช่วยบรรเทาอาการและลดการแพร่เชื้อของไวรัส

[embed-health-tool-ovulation]

อาการของเริมที่ปาก

การติดเชื้อเริมที่ปาก อาจไม่แสดงอาการ หรืออาจมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-12 วัน อาการอาจเริ่มจากรู้สึกแสบร้อน หรือคันบริเวณริมฝีปาก และเกิดตุ่มใส ๆ ลักษณะคล้ายพวงองุ่น หลังจากนั้นประมาณ 4-6 วัน ตุ่มใสจะเริ่มแห้งและหายเป็นปกติ อาจมีไข้ เหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ เหงือกบวม รวมถึงต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมร่วมด้วย แต่ถ้าหากร่างกายอ่อนแอ อาการของโรคเริมที่ปากก็อาจกลับมาได้อีกครั้ง 

การ รักษาเริมที่ปาก

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคเริมที่ปากให้หายได้ 100 % เนื่องจากผู้ที่เคยเป็นเริมที่ปากอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากร่างกายอ่อนแอ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสดังต่อไปนี้ อาจช่วยบรรเทาอาการได้

  • อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) รับประทาน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง หรือ 200 มก. วันละ 5 ครั้ง  
  • ฟามซิโคลเวียร์ (Famciclovir) รับประทาน 500 มก. วันละ  ครั้ง หรือ 250 มก. วันละ 3 ครั้ง  
  • วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง 

นอกจากนี้ คุณหมออาจรักษาด้วยยาชนิดทา เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เพนซิโคลเวียร์ (penciclovir) โดยระยะเวลาในการรักษาประมาณ 7-10 วัน ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล หากรอยโรคไม่หายหรือลุกลามอาจต้องขยายเวลาในการรักษา โดยขณะรักษาโรคเริมที่ปาก ควรเช็ดบริเวณแผลให้แห้ง และสะอาดอยู่เสมอ เพราะหากให้แผลชื้น อาจทำให้แผลหายช้าได้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาแก้ปวด หรือยาแก้อักเสบร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากรักษาหายแล้ว ควรหมั่นดูแลร่างกาย เนื่องจากวิธีรักษาเริมที่ปากดังกล่าวเป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น 

การป้องกันโรคเริมที่ปาก 

เนื่องจากโรคเริมที่ปาก สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสจากการสัมผัส หรือผ่านทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ดังนั้นการป้องกันโรคเริมอาจทำได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เพื่อลดการแพร่เชื้อ และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน และควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และอาจหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือใช้แผ่นยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีตุ่ม เพราะหากสัมผัสอาจมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อ เนื่องจากโรคเริมสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้แม้แผลแห้งแล้ว

บุคคลที่เคยเป็นโรคเริมที่ปาก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นเช่นกัน เพื่อลดปัจจัยในการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่น 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Oral Herpes. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/herpes-hsv1-and-hsv2/oral-herpes. Accessed December 31, 2022l.

Nongenital Herpes Simplex Virus. https://www.aafp.org/afp/2010/1101/p1075.html. Accessed December 31, 2022l.

Treatment and prevention of herpes simplex virus type 1 in immunocompetent adolescents and adults. https://www.uptodate.com/contents/treatment-and-prevention-of-herpes-simplex-virus-type-1-in-immunocompetent-adolescents-and-adults. Accessed December 31, 2022l.

Treatment and prevention of herpes labialis. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2602638/. Accessed December 31, 2022l.

Oral Herpes. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/oral-herpes. Accessed December 31, 2022l.

เวอร์ชันปัจจุบัน

03/01/2023

เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับ เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์

โรคเริมที่ปาก เกิดจากอะไรและดูแลได้อย่างไรเมื่ออาการกำเริบ


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 03/01/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา