กลากที่หนังศีรษะ
โรคกลากที่หนังศีรษะ เกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophyte) บนหนังศีรษะ ผู้ป่วยจะมีผื่นวงแหวนบนหนังศีรษะ ตรงกลางเรียบและมีขอบนูน หนังศีรษะอักเสบ มีอาการคัน พบรังแค และผมร่วงเป็นหย่อม ๆ โดยกลากที่หนังศีรษะสามารถติดต่อกันได้ด้วยการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน อาทิ หวี ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว หมวก เป็นโรคที่มักพบในเด็กอายุ 3-7 ปี รวมถึงในผู้ใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วิธีการรักษา
โรคกลากที่หนังศีรษะ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- รับประทานยาเม็ดต้านเชื้อรา เช่น กริซีโอฟุลวิน (Griseofulvin) เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) ซึ่งมีฤทธิ์ในการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา มักใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองกับยาทาภายนอก มีผลข้างเคียงคือ อาจทำให้ปวดหัว คลื่นไส้ หน้ามืด วิงเวียน หรือพบผื่นขึ้นตามลำตัว
- ใช้ยาสระผมซึ่งมีตัวยาเฉพาะ อันมีส่วนผสมของยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ซึ่งมีฤทธิ์รักษาเชื้อราในร่างกายและบนผิวหนัง และซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) ซึ่งช่วยลดอาการคันหนังศีรษะและลดการเกิดรังแค
โรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ
สะเก็ดเงินที่หนังศีรษะมักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงินเกินกว่าครึ่ง โดยสาเหตุของโรคยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังเพิ่มจำนวนขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การตกสะเก็ดสีเงิน ขาว หรือเหลือง ทั้งนี้ โรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ ยังมีอาการอื่นร่วมด้วย คือ หนังศีรษะอักเสบ มีผื่นแดงบริเวณหนังศีรษะ หน้าผาก ท้ายทอย และหลังใบหู โรคสะเก็ดเงินสามารถเป็นพร้อมโรคผื่นแพ้ต่อมไขมันได้ เรียกว่า โรคสะเก็ดเงินที่คาบเกี่ยวโรคเซ็บเดิร์ม (Sebopsoriasis)
วิธีการรักษา
โรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะแม้ไม่ใช่โรคติดต่อแต่เป็นโรคทางพันธุกรรมซึ่ง สามารถรักษาได้หลายวิธี ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย