รอยสิว เป็นสภาพผิวหนังหลังจากสิวหายแล้วทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ มักปรากฏเป็นรอยแดง รอยดำ รวมทั้งรอยนูนหรือรอยบุ๋ม เกิดจากความผิดปกติในการสมานตัวของผิวหนัง ทั้งนี้ เมื่อเกิดรอยสิว สามารถทา ครีมลดรอยสิว ซึ่งอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้รอยสิวจางลงหรือดีขึ้นได้ โดยครีมลดรอยสิวมักประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติช่วยให้รอยสิวดูจางลงได้ หากเลือกใช้ครีมที่เหมาะสมกับสภาพผิวและสภาพรอยสิว รวมทั้งใช้วิธีอื่นร่วมกับการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมอาจช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น
[embed-health-tool-bmr]
รอยสิว คืออะไร
รอยสิว หรือแผลเป็นจากสิว เป็นสภาพผิวหนังหลังสิวหาย พบได้ทั่วไปหรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของผู้ที่เป็นสิวทั้งหมด
โดยทั่วไป รอยสิวจะเกิดจากสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง ทำให้มีรอยแดง รอยดำ รอยบุ๋ม หรือรอยนูน ซึ่งมีสาเหตุแตกต่างกัน ดังนี้
- รอยแดง เกิดจากการบีบ แกะ แคะ เกา หรือการสครับบริเวณที่เป็นสิว ทำให้ผิวบวมช้ำและอักเสบ จึงเห็นเป็นรอยสิวสีแดง
- รอยดำ เกิดจากร่างกายพยายามสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่เสียหาย แต่บางครั้งอาจสร้างขึ้นพร้อมเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป จึงทำให้เกิดเป็นรอยดำขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นสิว
- รอยสิวแบบบุ๋มหรือหลุมสิว เกิดจากการสมานตัวที่ไม่สมบูรณ์ของผิวหนังหลังเป็นสิว เนื่องจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและโปรตีนคอลลาเจนซึ่งทำหน้าที่ซ่อมแซมผิวหนังที่เป็นหลุมสิวได้ไม่เพียงพอ ทำให้พอสิวหายแล้วปรากฏเป็นหลุมสิวบนใบหน้า
- รอยสิวแบบนูนหรือคีลอยด์ (Keloid) เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนมากเกินไป เพื่อซ่อมแซมผิวหนังหลังเป็นสิว ทำให้เกิดรอยนูน โดยรอยสิวแบบนี้จะพบบริเวณขากรรไกร หัวไหล่ หน้าอก หรือแผ่นหลัง อาจมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย
วิธีเลือก ครีมลดรอยสิว
ครีมลดรอยสิว เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทาเพื่อลดรอยสิวต่าง ๆ มักอยู่ในรูปแบบของครีมหรือยาทาภายนอก มักมีสารต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษารอยสิวเป็นส่วนประกอบ เช่น
- กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acid) ช่วยให้รอยสิวจางลง ด้วยการผลัดเซลล์ผิวหนังเก่าหรือที่เสื่อมสภาพออก และผลิตเซลล์ผิวหนังใหม่แทน ทั้งนี้ กรดอัลฟาไฮดรอกซี ยังพบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์รักษาสิว เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพ รวมถึงไขมันที่อุดตันในรูขุมขน อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
- กรดแลคติก (Lactic Acid) มีคุณสมบัติคล้ายกับกรดอัลฟาไฮดรอกซี คือ ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวจางลง และผิวดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ หากรอยสิวมีสีเข้มกว่าผิวหนังบริเวณอื่น กรดแลคติกยังอาจช่วยให้สีของรอยสิวอ่อนลง
- เรตินอล (Retinoids) เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ โดยเป็นสารประกอบในวิตามินเอ มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยให้ใบหน้าที่เป็นหลุมสิวดูเรียบเนียน ทั้งนี้ การใช้ครีมลดรอยสิวซึ่งมีเรตินอลเป็นส่วนผสม อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด จำเป็นต้องทาครีมกันแดด แต่งกายให้มิดชิด หรือสวมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เช่น ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่แว่นตากันแดด สวมหมวกปีกกว้าง
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นกรดอ่อน ๆ ชนิดหนึ่งที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมลดรอยสิว เนื่องจากช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กรดซาลิไซลิกในครีมอาจเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองและผิวแห้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- อาร์บูติน (Arbutin) เป็นสารสกัดจากบลูเบอร์รี แครนเบอร์รี ข้าวสาลี ช่วยให้รอยสิวหรือจุดด่างดำจางลง เนื่องจากมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีของผิวหนัง
ก่อนเลือกซื้อครีมรอยสิว ควรอ่านฉลากและใบกำกับยาให้ละเอียด ตรวจดูว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง จะได้เลือกครีมลดรอยสิวได้เหมาะกับสภาพผิวและสภาพของรอยสิว หรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรประจำร้านขายยาหรือเคาน์เตอร์ยา
วิธีอื่น ๆ ในการรักษารอยสิว
นอกเหนือจากการทาครีมลดรอยสิวแล้ว ยังสามารถรักษารอยสิวได้ด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนี้
- ใช้เลเซอร์ เพื่อขจัดเซลล์หนังกำพร้าเก่าบนใบหน้า และกระตุ้นให้ชั้นหนังแท้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาซ่อมแซมผิวหนังส่วนที่เสียหาย ทั้งนี้ การใช้แสงเลเซอร์อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง อาจทำให้บริเวณที่รักษารอยสิวมีรอยแดง ร่วมกับอาการคันยิบ ๆ อาจใช้วิธีประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการข้างเคียงดังกล่าว และควรปรึกษาแพทย์
- ลอกผิวด้วยกรดอ่อน ๆ เป็นการทาน้ำยาหรือครีมซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ลงบนใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้ผิวหน้าลอก และสร้างเซลล์ผิวหน้าขึ้นมาใหม่ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกว่าเดิม
- ฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อทำให้รอยสิวแบบนูนลดลง
- ฉีดฟิลเลอร์ คอลลาเจน ไขมัน และวิตามิน เข้าใต้ผิวหนัง เพื่อบำรุงผิว และทำให้ผิวหนังเต่งตึง กลบรอยสิวและริ้วรอยต่าง ๆ ให้สามารถมองเห็นได้ยากขึ้น
- นวดหน้าด้วยลูกกลิ้ง (Skin Needling หรือ Derma Roller) ซึ่งเป็นการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นลูกกลิ้งซึ่งมีเข็มเล็ก ๆ จำนวนมากฝังอยู่โดยรอบ เมื่อกลิ้งลูกกลิ้งไปทั่วหน้า เข็มขนาดเล็กจะทะลุลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมาเติมเต็มผิวหนัง จึงอาจช่วยทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น และหลุมสิวดูตื้นขึ้น