backup og meta

ผิวแห้ง สาเหตุ อาการ และการรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    ผิวแห้ง สาเหตุ อาการ และการรักษา

    ผิวแห้ง คือ ปัญหาสุขภาพผิวที่อาจพบได้บ่อย โดยสังเกตได้จากอาการผิวหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ผิวแตก ผิวเป็นสะเก็ด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น สภาพอากาศ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว โรคผิวหนัง ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการดูแลผิวที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดีและช่วยป้องกันอาการผิวแห้ง

    ผิวแห้ง คืออะไร

    ผิวแห้ง คือ สภาพผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน และลอกเป็นขุย ซึ่งปัญหาสุขภาพผิวที่พบได้บ่อย แต่ไม่รุนแรง และสามารถป้องกันได้โดยการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่ผิวแห้งอาจเกิดจากโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น กลาก น้ำกัดเท้า โรคผื่นแพ้สัมผัส ผื่นแพ้ต่อมไขมัน (Seborrheic Dermatitis) 

    อาการของผิวแห้ง

    อาการของผิวแห้ง มีดังนี้

    • ผิวแห้ง หยาบกร้านและเป็นสะเก็ด
    • อาการคัน
    • ผิวเป็นรอยขีดขาวเมื่อใช้เล็บขูด
    • ผิวลอกเป็นขุย
    • สีผิวไม่สม่ำเสมอ
    • ผิวแตก และอาจมีเลือดออกเล็กน้อย
    • ผิวขาดความกระชับและรู้สึกผิวตึง โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ หรือว่ายน้ำ

    ปัญหาผิวแห้งอาจสามารถฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้นได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีอาการผิวแห้งที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัส รู้สึกคันมากกว่าปกติ มีผื่นขึ้น หรือผิวแห้งรักษาไม่หาย ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคผิวหนังบางอย่าง

    สาเหตุของผิวแห้ง

    สาเหตุของผิวแห้ง มีดังนี้

    • สภาพอากาศ เช่น อากาศหนาวเย็น มีลมแรง เพราะอาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
    • ความร้อน ความร้อนจากเครื่องทำความร้อนหรือเตาอาหารอาจทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหนังลดลง นำไปสู่อาการผิวแห้งได้
    • อาบน้ำนานเกินไป และอาบน้ำด้วยน้ำร้อน รวมถึงการขัดผิวบ่อย ๆ อาจกำจัดน้ำมันบนผิวหนังที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และทำให้ผิวแห้ง
    • ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น สบู่ ผงซักฟอก แชมพู ซึ่งมีสารที่ดึงน้ำมันออกจากผิวหนัง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกบนผิว แต่อาจส่งผลให้ผิวแห้ง และอาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง
    • โรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน โรคสะเก็ดเงิน อาจมีแนวโน้มที่ส่งผลให้ผิวแห้งร่วมด้วย ซึ่งควรเข้ารับการรักษาทันที หากสังเกตว่ามีผื่นขึ้นบนผิวหนังเป็นวงแดง ผิวหนังตกสะเก็ด และมีอาการคันมากกว่าปกติ 
    • การรักษาทางการแพทย์ เช่น การทำเคมีบำบัด การใช้ยาบางชนิด อาจส่งผลกระทบต่อผิว นำไปสู่อาการผิวแห้ง

    ปัจจัยเสี่ยงของผิวแห้ง

    ปัจจัยเสี่ยงของผิวแห้ง มีดังนี้

  • อายุ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เพราะร่างกายอาจเสื่อมสภาพตามช่วงอายุ ส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวลดลง
  • อาชีพ ผู้ที่ทำงานอยู่กับความร้อน สารเคมีหรือต้องสัมผัสกับน้ำบ่อยครั้ง เช่น นักกีฬาว่ายน้ำ ช่างเสริมสวย พยาบาล โรงงานทำยาง ร้านซักรีด โรงงานทำขนม 
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคผิวหนังบ่อยครั้ง
  • ภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โรคเบาหวาน ภาวะทุพโภชนาการ
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน จะมีฮอร์โมนเพศหญิงลดลงซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งได้
  • การวินิจฉัยและการรักษา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยผิวแห้ง

    การวินิจฉัยผิวแห้ง คุณหมออาจสอบถามประวัติสุขภาพเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และพฤติกรรการดูแลผิว เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้มีอาการผิวแห้ง หรืออาจขอเก็บตัวอย่างสะเก็ดบนผิวหนังไปตรวจดูว่าเป็นโรคผิวหนังหรือไม่ เช่น โรคสะเก็ดเงิน กลาก และเกลื้อน 

    การรักษาผิวแห้ง

    การรักษาผิวแห้งอาจทำได้ดังนี้

    • สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง มีอาการคันรุนแรง และอาการอักเสบ คุณหมออาจแนะนำให้ใช้โลชั่นที่มีส่วนประกอบของไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) เพื่อช่วยลดการคัน ผิวบวม ผิวอักเสบและไม่ควรใช้กับใบหน้าหรือผิวใต้วงแขน เนื่องจากเป็นผิวที่มีความบอบบาง 
    • สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งจากโรคผิวหนังติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน ควรใช้ครีมฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) และคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เพื่อต้านเชื้อรา
    • สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ควรใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อต้านการอักเสบและลดการผลิตเซลล์ผิวหนัง
    • สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งเนื่องจากภาวะสุขภาพต่าง ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ คุณหมออาจให้ยายับยั้งการสร้างฮอร์โมนต่อมไทรอยด์หรือผ่าตัดโดยพิจารณาจากความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยเป็น ภาวะทุพโภชนาการ คุณหมออาจวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะสม และสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน คุณหมออาจรักษาด้วยยาลดน้ำตาลในเลือด การฉีดอินซูลิน วางแผนการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อเพิ่มสารอาหารให้ร่างกาย

    การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันผิวแห้ง 

    • จำกัดเวลาอาบน้ำไม่ควรเกิน 5-10 นาที และควรอาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็นอีกทั้งหลังอาบน้ำเสร็จควรใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง ไม่ควรเช็ดผิวอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันการระคายเคือง หลังอาบน้ำควรทาครีมตอนที่ตัวยังหมาด ๆ อยู่ เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้น
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากน้ำหอม เช่น สบู่ แชมพู ผงซักฟอก เพื่อป้องกันผิวระคายเคืองอาการแพ้ และผิวแห้ง
    • หลีกเลี่ยงการขัดผิวบ่อยและควรขัดอย่างเบามือ เพื่อป้องกันผิวหนังบาดเจ็บ และป้องกันไม่ให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติบนผิว
    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ น้ำมันโจโจบา เชียบัตเตอร์ ปิโตเลียม กลีเซอรีน (Glycerin) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids: AHA) และเรตินอยด์ (Retinoid) เพราะอาจส่งผลให้สูญเสียน้ำมันบนผิวหนัง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและผิวแห้งได้
    • สวมใส่เสื้อผ้าหนาและปกคลุมผิวหนัง เมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่เย็นและมีลมแรง
    • ผู้ที่ทำงานกับความร้อนและสัมผัสกับสารเคมีควรสวมใส่เสื้อผ้า ถุงมือ และรองเท้าที่ปกคลุมผิว เพื่อลดการสัมผัสกับสารเคมี ทำความสะอาดร่างกายหลังเสร็จงานเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและสารเคมีที่อาจตกค้าง และควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา