สารสเตียรอยด์ในครีม มักใส่เพื่อทำให้ผิวขาวและเห็นผลการรักษาไวขึ้น แต่สารสเตียรอยด์นั้นเป็นอันตรายต่อผิว กฎหมายในประเทศไทยกำหนดเอาไว้ว่า ห้ามใส่สารสเตียรอยด์ลงในเครื่องสำอางทุกชนิด เนื่องจาก การใช้สารสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงเป็นเวลานานและใช้อย่างผิดวิธีอาจเกิดผลข้างเคียงกับผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวชั้นนอกหรือผิวชั้นใน เช่น ผิวบางจนเห็นเส้นเลือดแดงบนใบหน้าชัดเจน แพ้ง่าย เป็นสิว เกิดผดผื่น ทั้งยังทำให้มลภาวะหรือสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กำหนดให้สารสเตียรอยด์เป็นยาแผนปัจจุบันที่อยู่ในกลุ่มยาควบคุมพิเศษ โดยยาในกลุ่มนี้จะเป็นยาที่ทำให้เกิดอันตรายสูงหากใช้ไม่ถูกต้อง ผู้ที่จะใช้สารสเตียรอยด์ต้องได้รับการวินิจฉัย สั่งจ่ายยา และใช้ภายใต้การควบคุมของคุณหมอเท่านั้น นอกจากนี้ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
[embed-health-tool-bmr]
สารสเตียรอยด์ คืออะไร
สารสเตียรอยด์ (Steroid) หรือ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) คือ กลุ่มยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารเคมีที่ใช้ในการสร้างเม็ดสีในผิว เช่น โพรสตาแกรนดิน (Prostaglandin) ลิวโคไตรอีน (Leukotriene) ส่งผลให้การผลิตเม็ดสีลดลงและทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งสารสเตียรอยด์มักใช้เป็นสูตรผสมกับยาชนิดอื่น เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เพื่อช่วยเสริมฤทธิ์ในการรักษาและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยสารสเตียรอยด์อาจใช้รักษาโรคได้หลายชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบ สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
อันตรายของสารสเตียรอยด์ในครีม
สารสเตียรอยด์ในครีม หากใช้เป็นเวลานานและใช้อย่างผิดวิธีอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับผิวได้ ดังนี้
- สารสเตียรอยด์ในครีมหรือยาสเตียรอยด์ชนิดทาภายนอก หากใช้ติดต่อเป็นเวลานานจะทำให้ผิวบาง ผิวมันง่าย อักเสบ เป็นผื่นแดง เป็นสิวเห่อ และเส้นเลือดที่ผิวหนังแตกง่ายจนอาจเห็นเป็นสีแดง สีม่วงตามผิวหนังหน้าท้อง ต้นขา ใบหน้า
- อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing Syndrome) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อใช้สารสเตียรอยด์มากเกินไป อาจทำให้ผิวบาง ผิวแห้ง เกิดรอยแผลเป็นง่าย สิวเห่อบนใบหน้าและตามตัว มีรอยแตกสีแดง สีม่วงตามผิวหนัง ใบหน้ากลม มีไขมันพอกบริเวณต้นคอหรือด้านหลัง ขนขึ้นเยอะ
- ภูมิคุ้มกันลดลง สเตียรอยด์อาจกดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายติดเชื้อง่ายขึ้น เป็นแผลที่ผิวหนังตามร่างกาย แผลหายช้า หรืออาจทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด
วิธีการเลือกครีมที่ปราศจากสารสเตียรอยด์
วิธีการเลือกครีมเหล่านี้อาจช่วยป้องกันการเลือกครีมที่มีส่วมผสมของสารสเตียรอยด์ที่เป็นอันตรายต่อผิวได้
- สังเกตเครื่องหมาย อย. บนผลิตภัณฑ์หรือครีมบำรุงผิวทุกชนิดว่า ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจว่าเลขทะเบียนไม่ใช่เลขปลอม สามารถนำเลขทะเบียนไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา https://oryor.com/อย/
- สังเกตเนื้อครีม ครีมที่มีคุณภาพ หากวางทิ้งไว้เนื้อครีมจะไม่แยกชั้น ไม่เปลี่ยนสี กลิ่นไม่แรงหรือฉุนเกินไป
- สังเกตสรรพคุณ ครีมที่ผสมสารสเตียรอยด์มักจะอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ผิวขาวไวภายใน 3 หรือ 7 วัน เนื่องจากสารสเตียรอยด์มีฤทธิ์ทำให้ผิวขาวไว แต่เมื่อเลิกใช้หรือใช้มากเกินไปอาจทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย สิวเห่อได้
นอกจากนี้ ยังสามารถทดสอบด้วยชุดตรวจสอบสเตียรอยด์เบื้องต้น (Steroid Test Kitt) ซึ่งเป็นชุดตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง โดยอาจช่วยตรวจสอบได้ว่ายา อาหารเสริม หรือครีม มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือไม่ โดยมีขั้นตอนการตรวจ ดังนี้
- หากตัวอย่างที่ใช้ตรวจเป็นเม็ดควรบดให้ละเอียดก่อนทำการทดสอบ
- ตักหรือหยดตัวอย่างใส่ลงไปในหลอดทดสอบในปริมาณเท่ากับขีดแรกที่กำกับไว้ข้างหลอด
- หยดน้ำยาละลายลงในหลอดทดสอบที่ใส่ตัวอย่างไว้จนถึงขีดที่ 2 ที่กำกับไว้ข้างหลอด
- เขย่าหลอดทดสอบอย่างน้อย 3 นาที และตั้งทิ้งไว้ 15 นาที หรือจนกว่าน้ำยาส่วนใสจะแยกชั้น แต่สำหรับตัวอย่างที่เป็นของเหลวใสสามารถทดสอบได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งทิ้งไว้
- ใช้หลอดหยดตัวอย่างดูดน้ำยาส่วนใสออกมาและหยดน้ำยาลงในตลับทดสอบบริเวณหลุมทดสอบ จำนวน 4 หยด
- จับเวลา 10-15 นาที หากผลทดสอบขึ้น 1 ขีด แสดงว่าไม่มีสารสเตียรอยด์ แต่หากขึ้น 2 ขีด แสดงว่ามีสารสเตียรอยด์
โดยสามารถสั่งซื้อชุดทดสอบได้ที่ ร้านผลิตภัณฑ์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ที่อยู่ : 88/7 อาคาร 10 ชั้น 1 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
โทรศัพท์ 0-2951-0000 ต่อ 98463,98450 อีเมล [email protected]