ขี้แมลงวัน เป็นจุดหรือตุ่มสีดำหรือน้ำตาลบนผิวหนัง มีลักษณะแบนราบหรือนูนเล็กน้อย มักพบตามผิวหนังบริเวณที่โดนแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า แขน ขา ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่ขี้แมลงวันไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแต่หากต้องการกำจัดออก สามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น จี้กรด ฉายแสงเลเซอร์
[embed-health-tool-bmi]
ขี้แมลงวัน คืออะไร
ขี้แมลงวันเป็นจุดหรือตุ่มขนาดเล็กบนผิวหนัง มีรูปร่างเป็นวงกลมหรือวงรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.2-0.5 เซนติเมตร มีสีดำหรือน้ำตาล ลักษณะนูนหรือแบนราบ มักพบตามผิวหนังบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ ไม่ทำให้เจ็บหรือระคายเคือง
ขี้แมลงวันมีข้อแตกต่างจากกระ คือ เมื่อขี้แมลงวันเกิดขึ้นแล้วจะอยู่ถาวรและไม่จางลงในขณะที่กระอาจจางลงได้หากโดนแสงแดดน้อยลง และกระมักเกิดจากกรรมพันธุ์
ขี้แมลงวัน เกิดจากอะไร
ขี้แมลงวันเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ในผิวหนังที่ทำหน้าที่ผลิตเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีให้กับผิวหนัง ซึ่งถูกกระตุ้นจากรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้งจากการเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเมื่ออยู่กลางแจ้ง การอาบแดด รวมถึงจากการส่องไฟหรือการฉายรังสีเพื่อรักษาโรคบางชนิด
นอกจากนี้ ในบางกรณีอาจพบขี้แมลงวันเป็นจำนวนมากผิดปกติตั้งแต่เกิด อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- กลุ่มอาการนูแนน (Noonan Syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของยีน ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความผิดปกติที่ใบหน้า หัวใจ การมองเห็น การได้ยิน การเจริญเติบโต กล้ามเนื้อ และกระดูก ในรูปแบบและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน โดยหนึ่งในอาการของโรคนี้มักปรากฏขี้แมลงวันขึ้นตามผิวหนัง
- กลุ่มอาการคาวเดน (Cowden Syndrome) เป็นโรคหายากที่ผู้ป่วยจะมีเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงเรียกว่าฮามาร์โทมา (Hamartoma) เกิดขึ้นทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบนผิวหนัง ในปาก หรือในระบบทางเดินอาหาร
- กลุ่มอาการบันนายัน–ไรลีย์–รูวัลคาบา (Bannayan-Riley-Ruvalcaba Syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เมื่อเป็นแล้ว ผู้ป่วยจะมีศีรษะโตกว่าปกติและมีตุ่มเนื้องอกฮามาร์โทมาเกิดขึ้นตามร่างกาย นอกจากนั้น ในผู้ป่วยเพศชายอาจพบกระสีดำหรือขี้แมลงวันบริเวณองคชาตด้วย
- โรค PJS (Peutz-Jeghers Syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีติ่งเนื้อในท้องหรือลำไส้ หรือจุดหรือติ่งสีบนผิวหนังรวมถึงขี้แมลงวันบนใบหน้า ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งได้ในอนาคต
- โรคแพ้แสงแดด (Xeroderma Pigmentosum) หรืออาการผิวหนังไวต่อแสงมากผิดปกติ นับเป็นโรคทางพันธุกรรมอย่างหนึ่ง โดยผู้ป่วยจะมีผิวหนังไวต่อรังสีอัลตราไวโอเล็ตเป็นพิเศษ ทำให้มีกระหรือขี้แมลงวันจำนวนมากบนร่างกาย และเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
ขี้แมลงวัน กำจัดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
โดยปกติ ขี้แมลงวันไม่เป็นอันตรายหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่หากต้องการกำจัดทิ้งหรือทำให้สีของขี้แมลงวันดูจางลง อาจทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
- บำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) หรือป้ายขี้แมลงวันด้วยไนโตรเจนเหลว เพื่อกำจัดเม็ดสีผิวส่วนเกินและทำให้ขี้แมลงวันดูจางลงเมื่อผิวหนังฟื้นฟูจนหายดีแล้ว
- ฉายแสงเลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์เพื่อกำจัดเซลล์เมลาโนไซท์ แต่หลังทำจะมีแผล ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผิวหนังจึงจะกลับมาปกติ
วิธีป้องกันผิวหนังไม่ให้มีขี้แมลงวัน อาจลองปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่แดดแรง หรือระหว่าง 10.00 -14.00 น.
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำลายจากรังสีอัลตราไวโอเลต โดยครีมกันแดดที่ใช้ควรมีค่า SPF 50 ขึ้นไปและควรทาครีมซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
- สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว รวมถึงหมวกปีกกว้างหรือแว่นตากันแดด เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลต`