เอเนอร์จี้ บาลานซ์ (Energy Balance) หรือสมดุลของพลังงานที่ร่างกายได้รับ เป็นหลักการการรับประทานอาหารด้วยการนับแคลอรี่เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เป็นหนึ่งในวิธีดูแลสุขภาพตนเองที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก และอาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย
[embed-health-tool-bmr]
เอเนอร์จี้ บาลานซ์ คืออะไร
เอเนอร์จี้ หรือ แคลอรี่ หมายถึง พลังงาน โดยคำว่าเอเนอร์จี้ บาลานซ์ จะหมายถึง ความสมดุลระหว่างแคลอรี่ที่ได้รับกับแคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน โดยสามารถจำแนกออกเป็น
- พลังงานที่ได้รับ (Calories In) หมายถึง พลังงานที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหารแต่ละชนิด
- พลังงานที่เผาผลาญ (Calories Out) หมายถึง พลังงานที่ร่างกายดึงไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน ประกอบด้วยอัตราการเผาผลาญพลังงาน (BMR) และการออกกำลังกาย
หากรักษาเอเนอร์จี้ บาลานซ์ไว้ได้ นั่นคือ พลังงานที่ได้รับ เท่ากับ พลังงานที่เผาผลาญ ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักคงที่ ไม่อ้วนขึ้นหรือผอมลง แต่หากร่างกายไม่สมดุลจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนี้
- พลังงานที่ได้รับ มากกว่า พลังงานที่เผาผลาญ น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น
- พลังงานที่ได้รับ น้อยกว่า พลังงานที่เผาผลาญ น้ำหนักจะลดลง
อย่างไรก็ตาม พลังงานที่ได้รับและพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวันนั้น อาจจะไม่เท่ากัน อาจไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาเอเนอร์จี้ บาลานซ์ทุกวัน แต่หากโดยเฉลี่ยแล้วสามารถรักษาเอเนอร์จี้ บาลานซ์ หรือสมดุลพลังงานให้เป็นปกติ ไม่ได้รับแคลอรี่จากอาหาร มากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจจะช่วยให้สามารถรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมและมีสุขภาพดีได้ในระยะยาว
เทคนิคที่จะช่วยรักษาเอเนอร์จี้ บาลานซ์
-
เพิ่มผักในมื้ออาหาร
อาหาร 1 จาน ควรมีผักและผลไม้ ครึ่งหนึ่งของจาน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่ รวมถึงไฟเบอร์ที่จะทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน แต่ได้รับปริมาณแคลอรี่น้อย นอกจากนี้ ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ยังมีส่วนช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวกอีกด้วย
-
รับประทานโปรตีน
โปรตีนเป็นอาหารหมู่หนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โปรตีนสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ โปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืช โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ รวมถึงเนื้อปลา ต่างก็อุดมไปด้วยโปรตีน ส่วนโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่าง ๆ อย่างถั่วเหลือง เมล็ดอัลมอนด์ โดยอาหาร 1 จานควรมีโปรตีน 1 ใน 3 ของจาน
-
ควบคุมปริมาณอาหาร
อาหารประเภทเดียวกันอาจให้พลังงานแคลอรี่ไม่เท่ากัน เช่น การรับประทานอาหารที่บ้านกับที่ร้านอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรี่ต่างกัน เนื่องจากส่วนผสมและวิธีการปรุงอาหาร ดังนั้น จึงควรระมัดระวังปริมาณอาหารต่าง ๆ ที่บริโภคในแต่ละวัน
-
ออกกำลังกายตอนเช้า
หากออกกำลังกายในตอนเช้า จะทำให้เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลัง นอกจากนี้ การออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญพลังงาน ซึ่งทำให้มีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
-
ออกกำลังกายในแบบที่ชอบ
การออกกำลังกายแบบที่ชอบ จะทำให้ออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อสุขภาพดีในระยะยาว หากชอบเดิน ไม่ชอบวิ่ง ก็ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นประจำ
-
บันทึกเมนูอาหารและรูปแบบการออกกำลังกาย
การบันทึกเมนูอาหารจะทำให้มีสติ รู้ตัว เมื่อย้อนกลับมาดูประวัติการรับประทานอาหารจะช่วยให้วงแผนการรับประทานอาหารในวันต่อไปได้ดีขึ้น และป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะส่งผลให้น้ำหนักเกิน และมีปัญหาสุขภาพตามมา