มังคุด เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผลไม้ไทย มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานเป็นผลไม้สดและนำมาประกอบอาหาร ประโยชน์ของมังคุด มีมากมาย ทั้งยังมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคมังคุดอย่างพอดี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ
คุณค่าทางโภชนาการของมังคุด
มังคุด 196 กรัม (ประมาณ 7-8 ลูก) ให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ และมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- โปรตีน 1 กรัม
- ไขมัน 1 กรัม
- ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร 3.5 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 35 กรัม
- วิตามินบี 1 7% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- วิตามินบี 2 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- วิตามินบี 9 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- วิตามินซี 9% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- แมกนีเซียม 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- แมงกานีส 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ทองแดง 7% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ประโยชน์ของมังคุด
มังคุด อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โฟเลต ที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ต้านการอักเสบ โดยเฉพาะแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่พบมากในมังคุด
- มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย หนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว
- มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการศึกษาจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ชี้ว่า สารสกัดจากเปลือกมังคุดอย่างแซนโทน (Xanthone) สามารถช่วยชะลอและยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง มังคุดมีวิตามินซีที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน อาจเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายได้
- ช่วยบำรุงผิว วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ลดการเกิดริ้วรอย
- ช่วยลดน้ำหนัก มังคุดอาจช่วยทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น และอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยในการย่อยอาหาร มังคุดอุดมไปด้วยไฟเบอร์ หรือใยอาหาร ซึ่งอาจช่วยปรับสมดุลของระบบลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้คล่องขึ้น
- ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด งานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ซึ่งเป็นงานศึกษาวิจัยกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงอ้วนและมีภาวะดื้ออินซูลินเป็นเวลา 26 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับสารสกัดแซนโทนจากมังคุด 400 มิลลิกรัม/วัน มีระดับน้ำตาลในเลือดที่สมดุลขึ้น และมีภาวะดื้ออินซูลินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
- อาจช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน เนื่องจากสารแซนโทนในมังคุดอาจช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- ลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากเปลือกมังคุดมีสารแซนโทนอาจช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้หลอดเลือดไม่ตีบตัน เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น จึงอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
สรรพคุณทางยาของมังคุด
สรรพคุณตามตำรายาไทยของมังคุด มีดังนี้
- เนื้อมังคุด ช่วยเพิ่มพลังและบำรุงร่างกาย
- เปลือกมังคุด อาจช่วยลดการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้อาจช่วยรักษาแผล สมานแผล ให้แผลหายเร็วขึ้น
- ต้น ใบ และดอก รักษาโรคบิดมูกเลือด ซึ่งเป็นโรคท้องร่วงชนิดติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร
- ราก อาจช่วยทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ
ข้อควรระวังในการรับประทานมังคุด
บุคคลเหล่านี้ อาจต้องงดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานมังคุด
- สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม คือประมาณ 6-7 ลูก เพราะมังคุดเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน หากผู้ที่ตั้งครรภ์รับประทานมากเกินไป อาจส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูง และเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือเลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก เพราะมังคุดอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า และอาจส่งผลต่อการตกเลือดได้
- ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรงดรับประทานมังคุด 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากมังคุดอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า และเพิ่มความเสี่ยงในการตกเลือดระหว่างหรือหลังการผ่าตัด
เคล็ดลับ การเลือกซื้อมังคุด
มังคุดเปลือกสีม่วงแดงเข้ม ไม่แข็ง ขั้วดูสด มักมีรสหวาน ส่วนมังคุดที่มีผิวสีแดงมักจะมีรสหวานอมเปรี้ยว เมื่อปอกเปลือกออกจะเห็นเนื้อมังคุดเป็นพูสีขาวนวล แต่ถ้าหากเป็นเนื้อใสและแข็ง จะเรียกว่ามังคุดแก้ว โดยวิธีการปอกมังคุดควรใช้มีดผ่าเป็นเส้นกากบาทที่ก้นผลแล้วบิดออก เพื่อไม่ให้เนื้อช้ำ
[embed-health-tool-bmr]