backup og meta

สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟิน

สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟิน

บลูเบอร์รี่มัฟฟิน เมนูเค้กเปรี้ยวๆ หวานๆ จะกินกับกาแฟดำ ชาเขียวเข้มๆ สักแก้ว หรือเครื่องดื่มร้อน-เย็น แก้วโปรดของคุณก็อร่อยไม่เบา พอพูดถึงเมนูเบเกอรี่ หรือขนมอบแล้ว หลายคนอาจคิดว่าทำยาก วุ่นวาย ซื้อตามร้านกินง่ายกว่า แต่เราอยากบอกว่า สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟิน ที่เรานำมาฝากทำง่ายมากๆ นอกจากจะได้โชว์ฝีมือการทำขนมเองแล้ว คุณยังเลือกวัตถุดิบดีๆได้ง่าย และแถมยังปลอดภัยอีกต่างหาก

ประโยชน์จากบลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่มีฟลาโวนอยด์ ชื่อว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) หรือรงควัตถุที่ทำให้บลูเบอร์รี่มีสีม่วง สีน้ำเงินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคมะเร็ง เป็นต้น แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะบลูเบอร์รี่มีวิตามินและแร่ธาตุอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี

การกินบลูเบอร์รี่จะช่วยให้กระดูกและข้อต่อแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี ลดความเสี่ยงกระดูกหัก ทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพผมและผิวหนัง ช่วยเพิ่มคอลลาเจน ผิวหนังจึงไม่ถูกทำลายจากแสงแดด และมลพิษ

นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังช่วย ลดความดันโลหิต และช่วยบำรุงสุขภาพจิตให้แข็งแรง ผลวิจัยยังพบว่า การบริโภคบลูเบอร์รี่เป็นประจำ ช่วยชะลอการเสื่อมของสมองในผู้หญิงวัยชราได้ด้วย

สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟิน

สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟินมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย

สูตรบลูเบอร์รี่มัฟฟิน

ส่วนผสม

(สำหรับ 12-15 ชิ้น)

  • แป้งเค้ก                   180 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น       170 กรัม
  • เกลือ                        ½ ช้อนชา
  • ผงฟู                         1 ช้อนชา
  • เบคกิ้งโซดา            ¼ ช้อนชา
  • บัตเตอร์มิลค์ (Buttermilk)          190 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา            ¼ ช้อนชา
  • เนยละลาย               35 กรัม
  • บลูเบอร์รี่กวน          130 กรัม
  • ไข่ไก่                       1 ฟอง
  • บลูเบอร์รี่สด           125 กรัม

อุปกรณ์ที่ใช้

  • เครื่องตีแป้ง
  • ตะกร้อมือ
  • เตาอบ
  • พิมพ์คัพเค้ก
  • ถาดอบ

วิธีทำ

  1. ร่อนแป้งเค้ก น้ำตาลทรายป่น เกลือ ผงฟู เบคกิ้งโซดาให้เข้ากัน แล้วพักไว้
  2. คนบัตเตอร์มิลค์ ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลาให้เข้ากันดี
  3. ใส่แป้งที่ร่อนไว้ไว้ลงในบัตเตอร์มิลค์ แล้วตีให้เนื้อเนียนเข้ากัน ไม่มีก้อนแป้ง โดยแบ่งใส่แป้ง 3 ครั้ง ใช้สปีดปานกลาง
  4. ใส่เนยละลายลงในส่วนผสมที่ได้ ใช้ตะกร้อมือค่อยๆ คนให้เข้ากัน
  5. ใส่บลูเบอร์รี่กวน คนให้พอเข้ากัน (ยังเห็นสีขาวและสีม่วงแยกกันบ้าง)
  6. นำใส่พิมพ์ ประมาณ ¾ ของพิมพ์
  7. โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่กวนที่เหลือ และบลูเบอร์รี่สด
  8. อบด้วยไฟบนล่าง 170 องศาเซลเซียส นาน 25-30 นาที

บลูเบอร์รี่มัฟฟินหอมกรุ่น ชวนน้ำลายสอพร้อมเสิร์ฟแล้ว! หากใครหาซื้อบลูเบอร์รี่สดไม่ได้ จะใช้แต่บลูเบอร์รี่กวนแบบกระป๋องก็ได้ หรือถ้าไม่มีน้ำตาลทรายป่น ก็สามารถใช้น้ำตาลทรายเกล็ดละเอียดได้เช่นกัน ใครที่แพ้กลูเตนก็สามารถใช้แป้งเค้กแบบกรูเตนฟรี หรือไม่มีกลูเตนแทนได้

ปล. ถึงบลูเบอร์รี่มัฟฟินจะอร่อยแค่ไหน แต่ก็ห้ามกินเยอะเกินไป และต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วย เพื่อรักษาสุขภาพให้ดี ลดความเสี่ยงน้ำหนักเกิน และโรคต่างๆ สำหรับผู้ที่กำลังใช้ยาเจือจางเลือด ก็ไม่ควรกินบลูเบอร์รี่มากเกินไป เพราะมีวิตามินเคที่อาจทำให้เลือดแข็งตัว หรือเกิดลิ่มเลือด และอาจส่งผลกระทบกับการออกฤทธิ์ของยาได้

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

บลูเบอร์รี่มัฟฟิน Blueberry Muffin. http://www.foodtravel.tv/recipe.aspx?viewid=4243. Accessed October 4, 2019

Blueberries Nutrition Facts. https://www.verywellfit.com/blueberries-nutrition-facts-calories-and-health-benefits-4109926. Accessed October 4, 2019

Everything you need to know about blueberries. https://www.medicalnewstoday.com/articles/287710.php. Accessed October 4, 2019

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/05/2020

เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

กระเทียมดำ กับประโยชน์ต่อร่างกาย และข้อควรระวังในการบริโภค

5 อาหารไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแต่ มีวิตามินซี มากกว่าส้มซะอีก


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา