backup og meta

สาเหตุของโรคปอดบวม ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน มีอะไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 29/07/2021

    สาเหตุของโรคปอดบวม ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน มีอะไรบ้าง

    โรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ สามารถพบได้มากในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นทารก เด็กเล็ก รวมไปถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะ ปอดบวม เป็นสิ่งที่เราทุกคนคาดเดาไม่ได้ว่าวันใดเราจะต้องเผชิญกับมัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลถึง สาเหตุของโรคปอดบวม เบื้องต้นเอาไว้ให้ทุกคนในบทความนี้แล้ว

    สาเหตุของโรคปอดบวม มาจากอะไร

    สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ อาจมาจากเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัสในอากาศที่มักเข้าผ่านระบบทางเดินหายใจ เมื่อสูดอากาศเข้าไป จนสะสมอยู่ภายในถุงลมทำให้มีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นปอดบวม ปอดอักเสบ ได้นั่นเอง โดยเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยที่สุดนั้น มีดังนี้

    • แบคทีเรีย Streptococcus Pneumoniae
    • สิ่งมีชีวิตคล้ายแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า Mycoplasma Pneumoniae
    • เชื้อราในดิน และมูลสัตว์
    • ไวรัสโควิด-19 (COVID-19)

    ที่สำคัญเชื้อไวรัสข้างต้นยังสามารถแพร่กระจายติดต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ได้ จากการได้รับละอองน้ำลายที่ลอยฟุ้งอยู่บนอากาศ ผ่านการไอ จาม หากเมื่อใดที่คุณรับเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว กรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสชนิดรุนแรง ก็สามารถทำให้คุณเผชิญกับโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ ได้ง่ายขึ้น และค่อนข้างเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างมาก

    สัญญาณเตือนที่ คุณรีบเข้าพบคุณหมอ

    อาการของโรคปอดบวมสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการรับเชื้อภายใน 24-48 ชั่วโมง หรืออาจมากกว่านั้นตามการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณ โดยทั่วไปอาการของ ปอดอักเสบ นั้น มักจะทำให้คุณมีอาการหายใจลำบาก อาการไอ เป็นไข้ ราวกับอาการไม่สบาย และไข้หวัด แต่หากเมื่อใดที่คุณมีอาการรุนแรง ดังต่อไปนี้ อาจต้องรับเข้าวินิจฉัยจากแพทย์ในทันที

    • ไอรุนแรง และไอเป็นเลือด
    • หายใจถี่เร็ว
    • เหนื่อยล้าง่าย หมดแรง
    • เหงื่อออกมาก
    • ท้องเสีย
    • อาเจียน
    • ไข้ขึ้นสูงกว่า 39 องศา
    • เจ็บหน้าอก
    • รับประทานอาหารลำบาก

    ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะมีแนวโน้มเผชิญกับอาการรุนแรงได้มากกว่าบุคคลทั่วไป และอาจส่งผลให้ภาวะหัวใจล้มเหลว มักอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่อายุ 65 ปี และเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน

    การรักษา และการป้องกัน โรคปอดบวม

    หากวินิจฉัยแล้วว่าเชื้อไวรัสลงไปสู่ปอดของคุณจน ปอดอักเสบ แพทย์อาจดำเนินการรักษาตามอาหาร และเชื้อไวรัสที่พบเจอ ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น  ยาแก้ไข ยาลดไข้ ยาแก้ปวด  ยาต้านเชื้อรา ทั้งในรูปแบบการรับประทาน หรือการฉีดของเหลวผ่านทางหลอดเลือดดำ แต่สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก แพทย์อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และออกซิเจนให้คุณ พร้อมติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

    นอกจากคุณจะรับการรักษาจากแพทย์ ถึงอย่างไรคุณก็ควรที่จะดูแลตนเองให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรงจากโรคปอดบวม หรือป้องกันให้ห่างไกลจากโรคปอดอักเสบ ไม่ให้กลับเข้ามาทำลายสุขภาพปอดอีกครั้ง ตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    • ดื่มน้ำในปริมาณมาก
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • หยุดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด โดยสามารถขอรับการบำบัดเลิกบุหรี่ได้จากแพทย์
    • ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    • รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม เป็นประจำตามกำหนด

    ช่วงอายุที่ควรได้รับการฉีดวัคซีน มักเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุ 2-65 ปีขึ้นไป แต่อาจเป็นการได้รับวัคซีนคนละชนิด ที่แพทย์เห็นว่าปลอดภัย และเหมาะสมที่สุด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 29/07/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา