น้ำตาลในเลือดสูง เป็นสาเหตุที่อาจนำไปสู่โรคเบาหวาน หรือทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมีอาการแย่ลง และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ เส้นประสาทเสียหาย ไตวาย ดังนั้น จึงควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่เกิน 99 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำอย่างเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
[embed-health-tool-bmi]
น้ำตาลในเลือดสูง คืออะไร
น้ำตาลในเลือดสูง คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จากค่าปกติที่ควรอยู่ประมาณ 99-140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หากระดับน้ำตาลในเลือดยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่กระทบต่อสุขภาพได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
น้ำตาลในเลือดสูง มีสาเหตุจากอะไร
สาเหตุที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดจากการรับประทานอาหารประเภทแป้งและคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เช่น ข้าวขาว พาสต้า ขนมหวาน ของทอด โดยปกติอาหารจำพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรตจะถูกย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสสะสมอยู่ในกระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าทำลายเซลล์ในตับอ่อน ส่งผลให้ตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อการจัดการกับน้ำตาลในเลือด มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรืออาจเกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน ที่เซลล์ในร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพราะอินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ เนื่องจากขาดฮอร์โมนอินซูลิน จึงส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง และเสี่ยงทำให้อาการเบาหวานแย่ลง ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มฉีดอินซูลินเพิ่มหรือรักษาด้วยยาลดน้ำตาลในเลือด
ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่
- การใช้ยาอินซูลินหรือยารักษาเบาหวานไม่ถูกวิธี ทำให้ร่างกายได้รับอินซูลินไม่เพียงพอ
- การไม่ปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่กำหนดไว้ เช่น รับอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ไม่รับประทานผักผลไม้
- มีอาการป่วย การติดเชื้อ หรือพักรักษาตัวหลังการผ่าตัดเป็นเวลานาน
- ขาดการออกกำลังกาย
- การใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
น้ำตาลในเลือดสูง มีอาการอย่างไร
อาการของน้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดขึ้นต่อเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ที่ส่งผลให้มีอาการดังต่อไปนี้
- กระหายน้ำมาก
- ปัสสาวะบ่อย
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นภาพซ้อน ตาพร่ามัว
- เหนื่อยล้าง่าย
- บาดแผลหายช้า
- ท้องผูก ท้องร่วง
- การติดเชื้อที่ผิวหนังและช่องคลอด
- ปวดศีรษะ
หากน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องอาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดเป็นกรด ที่ทำให้มีอาการ ดังนี้
- ผิวแห้งและปากแห้ง
- หายใจเร็ว
- ลมหายใจอาจมีกลิ่นเปรี้ยว คล้ายผลไม้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย
ควรเข้าพบคุณหมอทันที หากสังเกตว่ามีอาการท้องร่วง อาเจียนรุนแรง มีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง และระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 240 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยไม่ลดลง ถึงแม้ว่าจะรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือยารักษาเบาหวานแล้วก็ตาม
น้ำตาลในเลือดสูงส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย
น้ำตาลในเลือดสูงอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายประการ ดังนี้
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เส้นประสาทเสียหายที่ส่งผลให้มือชาและเท้าชา
- ไตทำงานผิดปกติ หรือไตวาย
- จอประสาทตาเสื่อม ที่อาจส่งผลให้การมองเห็นเปลี่ยนแปลง และเสี่ยงเป็นต้อกระจก ที่อาจนำไปสู่อาการตาบอดได้
- ปัญหาข้อต่อและกระดูก เช่น กระดูกเปราะบาง กระดูกหัก หรือรู้สึกปวดข้อ
วิธีป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
วิธีป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาจทำได้ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยอาจขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อวางแผนโภชนาการอาหารให้เหมาะสมกับสุขภาพ ซึ่งควรเน้นการรับประทานผักและผลไม้ อาหารที่มีไขมันต่ำและมีไขมันดีสูง เช่น กะหล่ำ มะเขือเทศ มะเขือม่วง หัวหอม ผักโขม คะน้า ถั่วลันเตา อะโวคาโด ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก ไข่ และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- จำกัดปริมาณการรับประทานอาหารประเภทแป้ง ไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อสัตว์แปรรูป น้ำมันหมู เนย ชีส ขนมหวาน
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ปกติแล้วในแต่ละวันร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกินร้อยละ 24 กรัม/วัน หรือ 4-6 ช้อนชา
- ออกกำลังกาย เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายอาจช่วยกระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาลเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ดื่มน้ำให้มาก เพื่อให้ร่างกายช่วยขับน้ำตาลในเลือดออกในรูปแบบปัสสาวะ
- คลายเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง นอนหลับพักผ่อน เล่นโทรศัพท์ ออกกำลังกาย และเล่นเกม