โรคเบาหวานชนิดที่ 1 คือ ภาวะที่ระดับกลูโคสหรือน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป เนื่องจาก ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ ผู้ป่วยโรคนี้จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ยังอาจเกิดจากความผิดปกติที่ตับอ่อน รวมถึงปัจจัยบางอย่าง เช่น การรับพันธุกรรมในครอบครัว จนอาจก่อให้เกิด ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานชนิดที่ 1 ได้อีกด้วย โดยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักพบในเด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กอายุ 4-7 ปี และ 10-14 ปี และอาจพบได้น้อยกว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานชนิดที่ 1 มีอะไรบ้าง
หากผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ยอมดูแลตัวเอง เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รยมถึงไม่ยอมออกกำลังกาย ก็อาจทำให้อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 แย่ลง รวมทั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดังนี้
- โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เนื่องจาก โรคเบาหวานเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเล็กน้อยตั้งแต่เจ็บหน้าอกไปจนถึงหัวใจวายได้
- เส้นประสาทได้รับความเสียหาย น้ำตาลส่วนเกินที่อยู่ในหลอดเลือด อาจเข้าไปทำลายเส้นเลือดฝอยบริเวณเส้นประสาท โดยเฉพาะบริเวณขา นิ้วเท้า นิ้วมือ ส่งผลให้เกิดอาการแขนชา ขาชา มือชา และเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหวได้
- โรคไต ไตประกอบด้วยหลอดเลือดขนาดเล็กที่คอยกรองของเสียออกจากเลือด แต่โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจเข้าไปทำลายระบบการทำงานของไต จนนำไปสู่ภาวะไตวายที่อาจรักษาได้ยาก นอกเสียจากจะปลูกถ่ายไตใหม่
- ตาบอด โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจทำลายหลอดเลือดบริเวณจอประสาทตา ที่ส่งผลให้เป็นต้อกระจก ต้อหิน และตาบอดได้ในที่สุด
- ผิวหนังติดเชื้อ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จนเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบนผิวหนังได้ง่าย
อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ส่วนใหญ่อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจปรากฏขึ้นได้อย่างกะทันหัน โดยอาจแสดงอาการต่าง ๆ ดังนี้
- รู้สึกกระหายน้ำ
- ปัสสาวะบ่อย
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ความผิดปกติทางอารมณ์ อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย
- เหนื่อยล้า
- มองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นภาพซ้อน
วิธีป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน
ถึงแม้จะไม่มีวิธีป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อย่างแน่ชัด แต่อาจนำวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ไปปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย และป้องกันอาการแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้แทน
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
- เลือกรับประทานอาหารที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ไฟเบอร์จากผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวสูง
- ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต เช่น โยคะ ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรบาน
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินและสารพิษในบุหรี่อาจเพิ่มโอกาสให้เกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามการนัดหมายของคุณหมอ เพื่อตรวจดูว่าตัวเองกำลังเป็นโรคอื่น ๆ อีกหรือไม่ เพราะหากมีสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวจะได้รีบทำการรักษาในทันที ก่อนเกิดอาการรุนแรงในอนาคต
[embed-health-tool-bmi]