หากเป็นโรคเบาหวาน การ ตรวจเบาหวานด้วยตัวเอง ถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของแผนการรักษาเบาหวาน โดยสามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลแบบพกพา ซึ่งสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยเลือดเพียงเล็กน้อย การตรวจระดับน้ำตาลหรือตรวจเบาหวานด้วยตัวเอง อาจช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนระยะยาวของโรคเบาหวาน และช่วยให้คุณหมอมีข้อมูลเพียงพอในการเลือกวิธีรักษาเบาหวานที่เหมาะสมที่สุด
ตรวจเบาหวานด้วยตัวเอง คืออะไร
การไปโรงพยาบาลเพื่อวัดค่าน้ำตาลในเลือดอาจใช้เวลานาน เริ่มจากการนัดหมอ การเดินทางไปโรงพยาบาล รอเข้าพบคุณหมอ ในทางกลับกัน การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้าน ซึ่งช่วยให้คุณสังเกตอาการและควบคุมโรคเบาหวานของคุณได้มีหลายประเภท เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ หรือการตรวจค่าน้ำตาลเฉลี่ย (A1C)
การตรวจเลือด
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในบ้าน พบได้บ่อยในผู้ที่ต้องควบคุมเบาหวาน โดยค่าของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวานควรอยู่ระหว่าง 70 ถึง 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร การเจาะน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง เรียกว่า Fasting blood glucose (FBG) ควรมีค่าต่ำกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร น้ำตาลในเลือดต่ำเป็นอาการที่ระดับกลูโคสมีค่าต่ำกว่า 70
สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลเกินกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ดังนั้น หากการเจาะน้ำตาลหลังอดอาหารและมีระดับของน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100 ถึง 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร คุณอาจมีภาวะเสี่ยงต่อเบาหวาน หรือเรียกอีกอย่างว่า “Prediabetes”
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ได้ช่วยในการควบคุมเบาหวานอย่างเดียว แต่ยังช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น โรคตา โรคไต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายต่อเส้นประสาท
การตรวจปัสสาวะ
การตรวจปัสสาวะเป็นการตรวจที่สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยการใช้เครื่องมือตรวจและตัวอย่างปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะเป็นการตรวจที่ใช้กันทั่วไปในผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อตรวจหาคีโตน (Ketones) หรือไมโครอัลบูมิน (Microalbumin) น้ำตาลในปัสสาวะก็สามารถวัดได้โดยใช้เครื่องมือเดียวกันนี้ แต่จะมีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและสังเกตการณ์โรคเบาหวาน น้อยกว่าการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
การตรวจ A1C
การตรวจน้ำตาลสะสมในเลือด (The Hemoglobin A1C Test) เป็นการตรวจรูปแบบใหม่ แต่ให้ความแม่นยำสูง การตรวจนี้สามารถบ่งชี้ถึงระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การตรวจปัสสาวะแบบทั่วไป จะวัดแค่ระดับน้ำตาลในเลือดของช่วงที่ตรวจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ชุดตรวจนี้จำเป็นจะต้องใช้เลือดตัวอย่างในการตรวจด้วย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้อสำคัญคือ เครื่องมือตรวจวัดนี้ไม่ควรใช้ตรวจพร่ำเพรื่อ เนื่องจาก คุณหมอแนะนำว่า การตรวจนี้ควรใช้เพื่อสังเกตระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานแล้วเท่านั้น
จากผลการศึกษาพบว่า คนทั่วไป ควรมีผลตรวจอยู่ระหว่าง 4 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อเบาหวานจะมีผลตรวจอยู่ระหว่าง 5.7%-6.4% และผู้ป่วยเบาหวานจะมีผลตรวจ 6.5% หรือมากกว่านั้น สมาคมโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา (The American Diabetes Association) แนะนำว่า ผู้ป่วยเบาหวานควรรักษาระดับของผลตรวจ A1C ให้ต่ำกว่า 7% เพื่อป้องกันอาการเบาหวานแทรกซ้อน
อย่างไรก็ตาม หากคุณสังเกตอาการต่าง ๆ ของตนเองหรือได้ทำการลองตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแล้วพบว่า คุณเข้าข่ายมีภาวะเสี่ยงต่อเบาหวาน (Prediabetes) สิ่งที่คุณควรทำในเบื้องต้น คือ การปรับเปลี่ยนและวางแผนมื้ออาหาร รวมไปถึงลดการบริโภคน้ำตาล เพื่อเป็นการรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ นอกจากนี้ การเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการป้องกันตนเองจากโรคเบาหวานในเบื้องต้นที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องรีรอ
[embed-health-tool-bmi]