ผู้ป่วยเบาหวาน มักจะมีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะการติดเชื้อทางผิวหนัง การเรียนรู้เกี่ยวกับ วิธีดูแลผิวผู้ป่วยเบาหวาน จึงอาจช่วยดูแลสุขภาพผิวของผู้ป่วยโรคเบาหวานให้มีสุขภาพดี และช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
[embed-health-tool-bmi]
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กับสุขภาพทางผิวหนัง
โรคเบาหวานมักส่งผลกระทบต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงปัญหาทางด้านผิวหนัง เนื่องจากระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังผิวหนังลดลง และเกิดการติดเชื้อทางผิวหนังได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีอาการทางผิวหนังที่ส่งผลกระทบบุคคลรอบข้างได้อีกด้วย เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อรา และอาการคัน เป็นต้น
ปัญหาทางผิวหนังที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
อาการทางผิวหนังที่พบได้บ่อยใน ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีดังต่อไปนี้
- อาการคัน ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราบนผิวหนัง หรือจากการไหลเวียนของระบบเลือดที่ไม่ดี
- ผิวเปลี่ยนสี เช่น ผิวหนังมีสีคล้ำน้ำตาล ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- การติดเชื้อรา คือเชื้อรา Candida albicans มักพบในบริเวณที่มีความอับชื้น รอบพับตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ผิวหนังแข็งและหนา โดยส่วนใหญ่ผิวหนังบริเวณนิ้วมือ นิ้วเท้า จะมีลักษณะแข็งและหนาขึ้น
- โรคด่างขาว เกิดจากความผิดปกติของสีผิว เมื่อเซลล์เม็ดสีถูกทำลาย จึงทำให้สีผิวมีลักษณะเป็นดวงขาว ๆ ขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย
5 วิธีดูแลผิวผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรให้ความใส่ใจดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางผิวหนัง โดยมี วิธีดูแลผิวผู้ป่วยเบาหวาน ดังต่อไปนี้
-
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด
ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรอาบน้ำร้อน อย่าปล่อยให้อุณหภูมิน้ำสูงถึง 120 องศาเซลเซียส เพราะอาจทำให้ผิวหนังแห้งตึง และควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำนานเกิน 10-15 นาที
-
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
หลังอาบน้ำแล้วควรทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังเป็นประจำ เพราะผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีผิวแห้งแตกได้ง่าย ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำหอม เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังและส่งผลให้เกิดโรคผิวหนัง
-
ทาครีมกันแดด
ควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการออกข้างนอกในช่วงบ่ายที่มีแดดจัด
-
หมั่นดื่มน้ำให้มาก ๆ
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก ๆ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนหรือน้ำตาลในปริมาณสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม
-
เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงอาหารแปรรูปทุกชนิด