backup og meta

การทำหมันหญิง การเตรียมตัว ขั้นตอน ความเสี่ยง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    การทำหมันหญิง การเตรียมตัว ขั้นตอน ความเสี่ยง

    การทำหมันหญิง คือ การคุมกำเนิดแบบถาวรโดยการตัดหรือผูกท่อนำไข่ในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่จากรังไข่มาพบกับอสุจิแล้วเกิดการปฏิสนธิจนตั้งครรภ์ ทั้งนี้ ผู้หญิงที่ทำหมันแล้วจะยังคงมีประจำเดือนอยู่เพราะไข่ยังตกและร่างกายยังผลิตฮอร์โมน ทำให้ผนังมดลูกมีเยื่อบุหนาและกลายเป็นประจำเดือนตามปกติ

    การทำหมันหญิง เหมาะกับผู้หญิงที่ไม่ต้องการมีลูก หรือมีลูกเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะหากเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพราะการทำหมันไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

    การทำหมันหญิง คืออะไร

    การทำหมันหญิงเป็นการผ่าตัดเพื่อคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการตัดหรือผูกท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เพื่อป้องกันตัวอสุจิในน้ำเชื้อซึ่งหลั่งเข้ามาในช่องคลอดผสมกับไข่จนนำไปสู่การตั้งครรภ์

    การเตรียมตัวก่อนทำหมัน

    ผู้ที่ต้องการทำหมันควรสอบถามและปรึกษาคุณหมอในประเด็นต่อไปนี้ ก่อนตัดสินใจทำหมัน

    • ข้อดีและข้อเสียของการทำหมัน เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำหมันว่าตรงกับความต้องการของตนเองจริง ๆ
    • ความเสี่ยงของการทำหมันว่ามีอะไรบ้าง
    • ขั้นตอนการทำหมันหญิง พร้อมหรือไม่ที่จะเข้ารับการผ่าตัดซึ่งทำให้เกิดบาดแผลหรือระยะเวลาในการพักฟื้นของร่างกาย
    • การแก้หมันและโอกาสแก้หมันสำเร็จมีมากน้อยแค่ไหน ในกรณีเปลี่ยนใจอยากมีลูกหลังทำหมันแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพและอายุของแต่ละคน
    • ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำหมัน เช่น ช่วงหลังคลอด หรือหลังมีรอบเดือนแล้ว เพื่อเตรียมตัวและจัดสรรเวลาไม่ให้กระทบกับชีวิตด้านอื่น ๆ
    • ผลข้างเคียงจากยาที่ใช้อยู่ว่าส่งผลต่อการทำหมันหรือไม่อย่างไร รวมทั้งยาที่สามารถรับประทานก่อนทำหมันได้ หรือตัวยาที่ต้องงด เช่น แอสไพริน เนื่องจากทำให้เลือดไหลมากกว่าปกติระหว่างผ่าตัด

    ในกรณีตัดสินใจว่าต้องการทำหมัน หากมีเพศสัมพันธ์ควรสวมถุงยางป้องกันทุกครั้งจนกว่าจะถึงวันที่กำหนดทำหมัน

    นอกจากนี้ ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดทำหมัน ควรงดอาหารและเครื่องดื่ม 1 คืนก่อนการผ่าตัด และในบางรายอาจต้องมีการทดสอบการตั้งครรภ์ก่อนผ่าตัด เพราะหากตั้งครรภ์ คุณหมอจะไม่สามารถผ่าตัดทำหมันให้ได้

    ขั้นตอน การทำหมันหญิง

    การทำหมันหญิงในปัจจุบันนี้มีทั้งการผ่าตัดเปิดหน้าท้องและการผ่าตัดแบบไร้แผลโดยการสอดกล้องผ่าตัดผ่านช่องคลอด แต่ในประเทศไทยนิยมใช้วิธีผ่าตัดเปิดหน้าท้องเนื่องจากยังมีผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดแบบไร้แผลอยู่น้อยมาก

    การทำหมันหญิงด้วยวิธีผ่าตัดเปิดหน้าท้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที อันดับแรกคุณหมอจะวางยาสลบในคนไข้ และดำเนินการผ่าตัดตามขั้นตอนต่อไปนี้

    • ใช้มีดกรีดผ่าตัดเปิดหน้าท้อง บริเวณใต้สะดือหรือท้องน้อย เป็นแผลยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร
    • ให้อากาศเข้าไปในท้องคนไข้ผ่านรอยแผล จนหน้าท้องพองขึ้น ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการผ่าตัด
    • สอดอุปกรณ์ที่เรียกว่า แลปปาโรสโคป (Laparoscope) เข้าไปในท้องของคนไข้ ผ่านแผลผ่าตัดเปิดหน้าท้อง โดยแลปปาโรสโคปมีลักษณะเป็นท่อยาวและมีไฟฉายกับกล้องตรงส่วนปลาย ใช้เพื่อมองหาท่อนำไข่
    • หลังจากเจอท่อนำไข่แล้ว คุณหมอมักจะกรีดหน้าท้องอีกหนึ่งตำแหน่งเพื่อสอดอุปกรณ์ผ่าตัดเข้าสู่หน้าท้องเพื่อตัดท่อนำไข่แล้วผูกเอาไว้ หรือหนีบด้วยอุปกรณ์เฉพาะซึ่งมีลักษณะเป็นห่วงหรือตัวหนีบ
    • เมื่อตัดหรือผูกท่อนำไข่สำเร็จแล้ว คุณหมอจึงเย็บปิดแผล

    การทำหมันหญิงประเภทต่าง ๆ

    การทำหมันหญิงมีขั้นตอนเหมือนกัน แต่จะแยกประเภทตามช่วงเวลาที่เลือกผ่าตัด ได้แก่ การทำหมันหลังคลอด และการทำหมันในช่วงเวลาปกติ

    • การทำหมันหลังคลอด

    เรียกอีกอย่างว่าการทำหมันเปียก หมายถึง การทำหมันทันทีภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากคลอดบุตร ไม่ว่าจะคลอดตามธรรมชาติหรือผ่าคลอด เนื่องจากเป็นช่วงที่ผนังหน้าท้องยังมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ผ่าตัดได้สะดวก และเย็บปิดแผลได้มิดชิดสวยงามกว่าการทำหมันในช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้ คนไข้ผ่านการอดน้ำอดอาหารมาเรียบร้อย ถือว่าร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด

    • การทำหมันในช่วงเวลาปกติ

    หรือการทำหมันแห้ง หมายถึง การทำหมันในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ใช่ช่วงหลังคลอดทันทีหรือทำหมันหลังคลอด 6 สัปดาห์ขึ้นไป ก่อนทำหมันแห้ง จะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพและตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่ มักทำหลังมีรอบเดือนแล้ว มีข้อเสียคือ มักหาท่อนำไข่ได้ยากกว่าการทำหมันเปียก เนื่องจากในเวลาปกติ มดลูกจะมีขนาดเล็กกว่าและอยู่ในอุ้งเชิงกราน ทำให้การผ่าตัดอาจใช้เวลานานกว่า

    การดูแลตัวเองหลังจากทำหมันหญิง

    หลังทำหมันเรียบร้อยแล้ว ควรพักฟื้นอย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และควรดูแลตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้

    • รับประทานยาแก้ปวด เมื่อรู้สึกปวดคล้ายมีประจำเดือน ซึ่งเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด
    • เลี่ยงไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ จนกว่าจะครบกำหนดเปิดแผลหรือ 7 วันหลังจากผ่าตัด เพื่อป้องกันแผลอักเสบหรือติดเชื้อ
    • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าแพทย์จะอนุญาต หรือประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ การทำหมันจะไม่ส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง
    • รีบไปหาคุณหมอเมื่อพบอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องต่อเนื่องเกิน 12 ชั่วโมง มีเลือดหรือสารคัดหลั่งกลิ่นเหม็นไหลออกจากแผลผ่าตัด มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส

    ทั้งนี้ ผู้หญิงซึ่งทำหมันแล้วบางราย อาจพบเลือดไหลจากช่องคลอด จึงจำเป็นต้องใช้ผ้าอนามัย จนกว่าเลือดจะหยุดไหล

    อัตราสำเร็จของ การทำหมันหญิง

    อัตราการทำหมันหญิงสำเร็จอยู่ที่ 99 เปอร์เซ็นต์ และการทำหมันมักเห็นผลทันที หลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น

    อย่างไรก็ตาม คุณหมอมักแนะนำให้คนไข้มีเพศสัมพันธ์แบบป้องกันจนกว่าจะถึงรอบเดือนครั้งถัดไป เพราะการมีเพศสัมพันธ์ก่อนมีประจำเดือนครั้งถัดไปโดยไม่ป้องกันอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้

    นอกจากนี้ ท่อนำไข่ของผู้หญิงบางคนอาจเชื่อมต่อกันเองได้หลังทำหมันแล้ว ทำให้กลับไปตั้งครรภ์ได้ตามปกติ โดยกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก หรือคิดเป็นผู้หญิงจำนวน 1-7 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่ทำหมันแล้ว 1,000 คน ตามข้อมูลของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย

    ความเสี่ยงของการทำหมันหญิงต่อภาวะสุขภาพ

    โดยทั่วไป การทำหมันหญิงจะดำเนินการโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ จึงมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจพบได้จากการผ่าตัด มีดังนี้

    • เกิดแผลบริเวณลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หรือเส้นเลือดใหญ่
    • ผลข้างเคียงจากยาสลบ เช่น อาการแพ้อย่างรุนแรง
    • โอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกที่สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านการทำหมัน
    • การปิดหรือผูกท่อรังไข่ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจเสี่ยงให้ตั้งครรภ์ได้
    • อาการเลือดไหลที่แผลผ่าตัด หรือเลือดไหลภายในช่องท้อง
    • การติดเชื้อ

    ทั้งนี้ ผู้หญิงซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ อาจพบความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจากการทำหมันมากกว่าผู้หญิงโดยทั่วไป

    • เป็นโรคเบาหวาน
    • เคยผ่าตัดบริเวณหน้าท้องมาก่อน
    • มีภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
    • เป็นโรคเกี่ยวกับปอด
    • น้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา