พอได้ยินคำว่า “แบคทีเรีย” คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจคิดว่าเป็นเชื้อโรค ไม่ดีต่อสุขภาพของลูกน้อย และควรหลีกให้ห่าง แต่ความจริงแล้ว แบคทีเรียไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายเสมอไป เพราะในลำไส้ของคนเราก็มีแบคทีเรียชนิดดี อาศัยอยู่มากมายหลากหลายชนิด ที่ได้ยินชื่อกันบ่อยๆ เช่น แล็กโทบาซิลลัสหากในลำไส้ของเรามีแบคทีเรียชนิดดีมากกว่าแบคทีเรียชนิดไม่ดี ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราแข็งแรง ลดปัญหาในระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย และตัวช่วยอย่างหนึ่งในการเพิ่มและรักษาสมดุลของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ก็คือ การเพิ่มอาหารของแบคทีเรียชนิดดี อย่างพรีไบโอติก Hello คุณหมอ เลยอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับเจ้า “พรีไบโอติก” นี้ให้มากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าพรีไบโอติกมีดีต่อสุขภาพของเด็ก มากกว่าแค่ช่วยป้องกันลูกท้องผูก
พรีไบโอติก คืออะไร
พรีไบโอติก (Prebiotic) คือ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ระบบย่อยอาหารของเราย่อยไม่ได้ จึงสามารถผ่านเข้าสู่ลำไส้ และกลายเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ชนิดอื่นๆ ในลำไส้ เมื่อร่างกายได้รับพรีไบโอติกอย่างเพียงพอ ก็จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและเสริมสร้างการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดี โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย
พรีไบโอติกสำคัญกับเด็กยังไงบ้าง
ช่วยป้องกันท้องผูก ท้องเสีย
พรีไบโอติก เป็นไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารชนิดหนึ่ง เมื่อได้รับในปริมาณพอเหมาะ จะช่วยให้เด็กขับถ่ายสะดวกขึ้น จึงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกในเด็กได้ อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการท้องเสียบางชนิดได้ เช่น อาการท้องเสียจากยาปฏิชีวนะ (antibiotic-associated diarrhea)
ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับช่องท้องอื่นๆ
เมื่อเด็กได้รับพรีไบโอติก นอกจากจะช่วยลดอาการท้องผูก ท้องเสียได้แล้ว ยังช่วยบรรเทาและป้องกันปัญหาในช่องท้องอื่นๆ เช่น อาการปวดท้อง แน่นท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กมีอาการโคลิก (colic) หรืออาการร้องไห้รุนแรงไม่ยอมหยุด นอกจากนี้ พรีไบโอติกยังช่วยลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน รวมไปถึงอาการที่เกิดจากเด็กแพ้แลคโตส หรือแพ้น้ำตาลในนม (lactose intolerance) ได้อีกด้วย
ช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียชนิดดี หลังกินยาปฏิชีวนะ
เมื่อเด็กต้องกินยาปฏิชีวนะ ก็อาจส่งผลให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ถูกทำลาย จนปริมาณแบคทีเรียชนิดดีและแบคทีเรียชนิดไม่ดีในลำไส้เสียสมดุล และส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายมีปัญหา คุณจึงควรให้ลูกกินอาหารที่มีพรีไบโอติก เช่น โยเกิร์ต นม ผักและผลไม้สด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียชนิดดี ลดปัญหาในช่องท้อง เช่น อาการท้องเสียเพราะยาปฏิชีวนะ
อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ซื้อยาปฏิชีวนะให้ลูกกินเอง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ในบางครั้ง แพทย์ก็อาจจำเป็นต้องสั่งให้ลูกของคุณใช้ยาปฏิชีวนะ ในกรณีนี้คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามให้ลูกกินยาปฏิชีวนะในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่แพทย์สั่งโดยเด็ดขาด
อาจช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม
ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า พรีไบโอติกอาจช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น จึงช่วยส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน และช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่สำคัญมากสำหรับเด็ก
อาจช่วยป้องกันเด็กอ้วน หรือน้ำหนักเกินได้
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า พรีไบโอติกอาจมีส่วนช่วยให้ฮอร์โมนความหิวและฮอร์โมนความอิ่มของเด็กทำงานได้อย่างเป็นปกติ จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เด็กจะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน หรือหากเด็กมีน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วนอยู่แล้ว ก็จะช่วยให้พวกเขาจัดการกับการกิน หรือควมคุมอาหารได้ดีขึ้น
อาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า พรีไบโอติกช่วยให้แบคทีเรียชนิดดีเจริญเติบโตและมีปริมาณมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กแข็งแรงขึ้น จึงช่วยป้องกันเด็กจากภูมิแพ้และโรคต่างๆ ได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด จึงต้องมีการศึกษาวิจัยกันต่อไป
พรีไบโอติกหาได้จากที่ไหน
คุณพ่อคุณแม่สามารถเพิ่มพรีไบโอติกให้ลูกได้ ด้วยการให้ลูกกินอาหารจำพวกพืช เช่น กล้วย หน่อไม้ฝรั่ง ธัญพืชเต็มเมล็ด (เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต) ผักใบเขียว ถั่วเหลือง มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และในปัจจุบันก็มีอาหารแปรรูปหลายชนิดที่เพิ่มพรีไบโอติกเข้าไปในส่วนผสมด้วย เช่น ขนมปัง ซีเรียล คุกกี้ โยเกิร์ต นม หรือหากเป็นเด็กในวัยกินนม ก็สามารถหาพรีไบโอติกได้จากน้ำนมแม่ ซึ่งถือเป็นแหล่งพรีไบโอติกชั้นเลิศสำหรับเด็ก
พรีไบโอติกดีต่อเด็ก… เมื่อได้รับอย่างพอเหมาะ
หากคุณอยากเพิ่มอาหารที่มีพรีไบโอติกให้ลูก ก็ควรเน้นพรีไบโอติกจากอาหารเต็มส่วน (whole food) ซึ่งหมายถึงอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการนำส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป เช่น ผักสด ผลไม้สด เพราะนอกจากจะมีพรีไบโอติกแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์กับเด็กเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเด็กอาจยังไม่คุ้นเคยกับไฟเบอร์ การได้รับพรีไบโอติกเลยอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ ฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มให้ลูกกินพรีไบโอติกปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทีละนิด เพื่อให้ร่างกายของลูกสามารถปรับตัวได้ และอย่าให้ลูกกินอาหารที่มีพรีไบโอติกมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย ปวดท้อง
[embed-health-tool-vaccination-tool]