ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
ยาเซฟดิโตเรน (Cefditoren) มักใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เซฟดิโตเรน (Cefditoren) ยานี้อยู่ในกลุ่มของ ยาปฏิชีวนะเซฟาโลสปอริน (cephalosporin antibiotics) เซฟดิโตเรน (Cefditoren) ทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
เซฟดิโตเรน (Cefditoren) ยานี้เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่ได้ผลกับการติดเชื้อไวรัส (เช่น โรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อไม่จำเป็นอาจทำให้ยานั้นไม่ได้ผลกับการติดเชื้อในอนาคต
รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติแล้วคือวันละ 2 ครั้ง ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา
เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรใช้ยาปฏิชีวนะนี้โดยเว้นระยะห่างที่เท่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อการจำ ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการอาจจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไป อาจทำให้กลับมาติดเชื้อใหม่อีกครั้ง
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้เป็นเวลานาน (มากกว่าหลายเดือน) เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาเซฟดิโตเรนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือตู้เย็น ยาเซฟดิโตเรนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเซฟดิโตเรนลงในชักโครก หรือในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาเซฟดิโตเรน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือแพ้ยาปฏิชีวนะตัวอื่น เช่น เพนิซิลลิน (penicillins) หรือยาเซฟาโลสปอรินอื่นๆ หรือหากคุณมีการแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ไม่สำคัญ (เช่น โปรตีนนม) ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดสอบถามกับเภสัชกร
ก่อนใช้ยานี้แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ โรคไต ความผิดปกติของระบบเผาผลาญบางชนิด เช่น ภาวะขาดคาร์นิทีน (carnitine deficiency) มวลกล้ามเนื้อลดลง โรคกระเพาะอาหาร/ลำไส้ เช่น โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Colitis)
ยาเซฟดิโตเรนอาจทำให้วัคซีนจากเชื้อแบคทีเรียชนิดเชื้อเป็น (เช่น วัคซีนไทรอยด์) ทำงานได้ไม่ดี ห้ามกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (immunizations) หรือรับวัคซีนขณะที่กำลังใช้ยานี้เว้นแต่แพทย์สั่ง
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่คุณกำลังใช้ (ทั้งยาตามใบสั่ง ยาที่หาซื้อได้เอง และสมุนไพร)
ขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านน้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษากับแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้ ยาเซฟดิโตเรนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการท้องร่วง ปวดศีรษะ คลื่นไส้และอาเจียน หากอาการเหล่านี้ไม่ยอมหายไปหรือแย่ลงโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ มีเลือดออกหรือรอยช้ำได้ง่าย เหนื่อยล้าผิดปกติ มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ (เช่น สับสน) ชัก มีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง) มีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับตับ (เช่น คลื่นไส้อาเจียนไม่หยุด เบื่ออาหาร ปวดท้อง/กระเพาะ ดวงตาและผิวเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม) สัญญาณของการติดเชื้อครั้งใหม่ (เช่น เจ็บคอไม่ยอมหาย เป็นไข้ หนาวสั่น) ข้อเท้า/เท้าบวม น้ำหนักเพิ่มเฉียบพลันหาสาเหตุไม่ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง กระหายน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น มีสัญญาณของน้ำตาลในเลือดต่ำ (เช่น เหงื่อออก สั่นเทา หัวใจเต้นเร็ว หิว มองเห็นไม่ชัด วิงเวียน เป็นเหน็บที่มือและขาฉับพลัน)
น้อยครั้งมากที่ยานี้อาจทำให้เกิดสภาวะของลำไส้ที่รุนแรง เช่น อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับเชื้อคลอสไทรเดียมดิฟิซายล์ (Clostridium difficile) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยา อาการนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา หรือหลังจากหยุดการรักษาหลายสัปดาห์จนถึงเดือน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการ ได้แก่ ท้องร่วงไม่หยุด ปวดที่ท้องหรือกระเพาะ มีเลือดหรือมูกในอุจจาระ
อย่าใช้ยาแก้ท้องร่วง หรือยาแก้ปวดชนิดเสพติด (narcotic pain medications) หากคุณมีอาการเหล่านี้ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
การใช้ยานี้เป็นเวลานานหรือใช้ซ้ำๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรา หรือยีสต์ชนิดใหม่ในช่องปาก แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณสังเกตเห็นรอยคราบสีขาวภายในปาก มีการเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ หรืออาการใหม่อื่นๆ
อาการแพ้ที่รุนแรงของยานี้เกิดขึ้นน้อยมาก แต่ควรรับการรักษาในทันทีหากเกิดอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ ผดผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะใบหน้า ลิ้น ลำคอ) เวียนหัวอย่างรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาที่ลดปริมาณของกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ยาลดกรด (antacids) เอช 2 บล็อกเกอร์ (H2 blockers) เช่น แรนิทิดีน (ranitidine)
แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการคุมกำเนิดโดยการใช้ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด แผ่นคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะบางตัว เช่น ไรแฟมพิน (rifampin) ไรฟาบูทิน (rifabutin) สามารถลดประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ หากคุณกำลังใช้การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยานี้อาจส่งผลกระทบกับผลการตรวจสอบในห้องแล็บบางอย่าง เช่น การทดสอบคุมบ์ (Coombs’ test) หรือการตรวจสอบระดับน้ำตาลในปัสสาวะบางอย่าง ซึ่งอาจทำให้ผลการตรวจเป็นเท็จได้ อย่าลืมแจ้งบุคคลากรทางแล็บและแพทย์ทั้งหมดให้ทราบว่า คุณกำลังใช้ยานี้อยู่
ยาเซฟดิโตเรนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาเซฟดิโตเรนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาเซฟดิโตเรนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาเซฟดิโตเรนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาปอดบวม (Pneumonia)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)/คออักเสบ (Pharyngitis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน
การปรับขนาดยาสำหรับไต
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ข้อควรระวัง
การฟอกไต
คำแนะนำอื่นๆ
ขนาดยาเซฟดิโตเรนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
อายุ 12 ขึ้นไป
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาปอดบวม (Pneumonia)
อายุ 12 ขึ้นไป
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)/คออักเสบ (Pharyngitis)
อายุ 12 ปีขึ้นไป
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างของผิว
อายุ 12 ขึ้นไป
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยา ควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย