backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ชะเอมเทศ (Licorice)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 31/07/2020

ชะเอมเทศ (Licorice)

ชะเอมเทศ (Licorice) คือสมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบมากในแถบยุโรปและเอเชีย ส่วนรากของชะเอมเทศนั้นจะมีสารที่เรียกว่า Glycyrrhizic acid รากของชะเอมเทศนั้นถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร เนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณที่อาจช่วยรักษาโรค

ข้อบ่งใช้

ชะเอมเทศใช้สำหรับ

ชะเอมเทศ (Licorice) คือสมุนไพรชนิดหนึ่งที่พบมากในแถบยุโรปและเอเชีย ส่วนรากของชะเอมเทศนั้นจะมีสารที่เรียกว่า Glycyrrhizic acid ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากรับประทานในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม รากของชะเอมเทศนั้นถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร เนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณที่อาจช่วยรักษาโรคดังต่อไปนี้

นอกจากนี้ชะเอมเทศยังนำมาใช้เพื่อเพิ่มรสชาติให้แก่อาหาร เครื่องดื่ม และบุหรี่อีกด้วย

การทำงานของชะเอมเทศ

ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของชะเอมเทศไม่มากพอ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่า สารเคมีที่มีอยู่ในชะเอมเทศอาจสามารถช่วยลดอาการบวมและการขับเมือก ช่วยบรรเทาอาการไอ และสร้างสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูบาดแผลได้

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรระวังก่อนการใช้ชะเอมเทศ

ปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในกรณีที่:

  • ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • กำลังใช้ยาอื่น ๆ รวมถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
  • มีอาการแพ้สารในชะเอมเทศ ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
  • มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติหรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
  • มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูดหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ
  • ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากชะเอมเทศนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อกำหนดยาอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

    ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ

    การตั้งครรภ์และให้นมบุตร การรับประทานชะเอมเทศในปริมาณมากขณะตั้งครรภ์นั้นอาจจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งบุตรได้ ยังไม่มีข้อมูลมากเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานชะเอมเทศขณะให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้

    โรคหัวใจ ชะเอมเทศนั้นอาจจะทำให้ร่างกายสะสมน้ำมากขึ้น และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ นอกจากนี้ชะเอมเทศยังอาจเพิ่มโอกาสให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงการรับประทานชะเอมเทศ

    โรคมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมน ชะเอมเทศนั้นออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และอาจทำให้อาการของโรคเหล่านี้รุนแรงขึ้นได้

    ความดันโลหิตสูง ชะเอมเทศอาจเพิ่มความดันโลหิตได้ ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงควรหลีกเลี่ยงการใช้

    ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อตึงตัวมาก (Hypertonia) ชะเอมเทศอาจไปลดระดับของโพแทสเซียม (Potassium) ในเลือด แล้วทำให้อาการของโรคนั้นรุนแรงขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้

    ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia) ชะเอมเทศอาจไปลดระดับของโพแทสเซียมในเลือดได้มากกว่าเดิม ควรหลีกเลี่ยงการใช้

    โรคไต การรับประทานชะเอมเทศในปริมาณมากอาจทำให้ผู้ป่วยโรคไตมีอาการรุนแรงขึ้นได้

    ผู้ชายที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ชะเอมเทศอาจสามารถลดความต้องการทางเพศ โดยการลดฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน แล้วทำให้ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้นรุนแรงขึ้นได้

    การผ่าตัด ชะเอมเทศอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตระหว่างและหลังจากการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานชะเอมเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด

    ผลข้างเคียง

    ผลข้างเคียงของการใช้ชะเอมเทศ

    การรับประทานชะเอมเทศนั้นค่อนข้างมีความปลอดภัย หากรับประทานในปริมาณที่พบได้ในอาหาร แต่การรับประทานชะเอมเทศในปริมาณมาก นานกว่า 4 สัปดาห์อาจไม่ปลอดภัยได้

    ผลข้างเคียงจากการรับประทานชะเอมเป็นเวลานานคือ

    • ความดันโลหิตสูงระดับรุนแรง
    • เหนื่อยล้า อ่อนแรง
    • โพแทสเซียมในเลือดต่ำ
    • อัมพาต
    • สมองเสียหาย
    • อาการของโรคไต โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูงรุนแรงขึ้น
    • ประจำเดือนขาด
    • โซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้น
    • อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนและอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากมีความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์

      ปฏิกิริยาต่อยา

      ปฏิกิริยากับยาอื่น

      ชะเอมเทศอาจทำปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ และอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร

      โดยเฉพาะหากคุณใช้ยาดังต่อไปนี้

      • วาร์ฟาริน (Warfarin)
      • ไดจอกซิน (Digoxin)
      • ยาฮอร์โมนต่างๆ
      • เอธาครินิคแอซิด (Ethacrynic Acid)
      • ฟูโรซีไมด์ (Furosemide)
      • สารตั้งต้น CYP2B6 (Cytochrome P450 2B6 substrates)
      • ยารักษาความดันโลหิตสูง
      • ยาขับปัสสาวะ

      เพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

      ขนาดยา

      ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

      ขนาดยาของชะเอมเทศ

      รับประทาน

      • เพื่อเสริมอาหาร ยังไม่มีขนาดยามาตรฐานที่แนะนำ แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าไม่ควรรับประทานชะเอมเทศมากกว่าวันละ 100 มก.
      • สำหรับการรักษาผลข้างเคียงหลังจากการถอดเครื่องช่วยหายใจ รับประทานยาอมที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศขนาด 97 มก. เป็นเวลา 30 นาที ก่อนให้ยาสลบ

      ทาผิว

      • สำหรับโรคผื่นผิวหนัง (Eczema) ทาเจลที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศ 1% หรือ 2% ในบริเวณที่ต้องการ วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์

      รูปแบบ

      ชะเอมอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้

      • เจล
      • แคปซูล

      หมายเหตุ

      Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



      ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

      ทีม Hello คุณหมอ


      เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 31/07/2020

      ad iconโฆษณา

      คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

      ad iconโฆษณา
      ad iconโฆษณา