การใช้ประโยชน์ ชาเขียว
ชาเขียวใช้ทำอะไร
ชาเขียว (Green Tea) มีสารคาเฟอีนเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท ระบบหัวใจและกล้ามเนื้อ และใช้รักษาอาการต่างๆ ดังนี้
- ช่วยลดน้ำหนัก
- อาเจียน
- ปวดศรีษะ
- โรคกระดูกพรุน
- โรคพาร์กินสัน
- ความดันต่ำ
- โรคฟันผุ
- นิ่วไนไต
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด
การทำงานของชาเขียวเป็นอย่างไร
ส่วนที่เป็นประโยชน์ของชาเขียวคือส่วนใบ และลำต้น ชาเขียวถูกผลิตขึ้นโดยการอบใบในอุณหภูมิสูง ระหว่างกระบวนการนี้ สามารถป้องกันอาการอักเสบบวม คุ้มกันกระดูกอ่อน และลดการเสื่อมของข้อ ชาเขียวยังสามารถต่อต้านการติดเชื้อไวรัส HPV และลดการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในบริเวณปากมดลูก
ข้อควรระวังและคำเตือน
เราควรรู้อะไรบ้างก่อนใช้ชาเขียว
ปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในกรณีที่:
- ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- กำลังใช้ยาอื่น ๆ รวมถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
- มีอาการแพ้สารในชาเขียว ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
- มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติหรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
- มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูดหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ
ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากชาเขียวนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อกำหนดยาอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
ชาเขียวมีความปลอดภัยแค่ไหน
ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ
การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ชาเขียวในระหว่างการตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชาเขียวมีอะไรบ้าง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ชาเขียว ได้แก่:
- ปวดหัว
- อาการของโรคระบบทางเดินอาหาร
- ตับเป็นพิษ
ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และอาจจะมีอาการของผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้นหากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับชาเขียวมีอะไรบ้าง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรชนิดนี้อาจมีผลต่อยาหรือพยาธิสภาพในปัจจุบัน ควรปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนการใช้งาน
ขนาดการใช้
ข้อมูลนี้ไม่สามารถเป็นคำสั่งในการใช้ยาได้ ควรปรึกษานักสมุนไพรศาสตร์หรือแพทย์ก่อนการใช้ยาเสมอ
ปกติแล้วควรใช้ชาเขียวในปริมาณเท่าใด
การรับประทาน:
- สำหรับผู้มีคอเลสเตอรอลสูง: ในชาเขียวหรือสารสกัดจากชาเขียวมี catechin 150-2500 มิลลิกรัม ใช้ครั้งเดียวต่อวัน หรือแบ่งเป็นสองครั้งต่อวันเป็นเวลา 24 สัปดาห์
- สำหรับการเติบโตของเซลล์ผิดปกติในช่องคลอด: รับประทานสารสกัดจากชาเขียว 200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับการทาด้วยยาทาที่ทำจากชาเขียว สองครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์
- สำหรับความดันโลหิตสูง: เครื่องดื่มชาเขียว ชงโดยการต้มชาเชียวขนาด 3 กรัม กับน้ำ 150 มิลลิลิตร โดยดื่มสามครั้งโดยเว้น 2 ชั่วโมงระหว่างแต่ละแก้ว เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อีกวิธีคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากชาเขียว 379 มิลลิกรัมอย่าง Olimp Labs, Debica, Poland โดยดื่มร่วมกับอาหารเช้า เป็นเวลา 3 เดือน
- ความดันต่ำ: ดื่มชาเขียวขนาด 400 มิลลิกรัม ก่อนอาหารเที่ยง
- ฝ้าในช่องปาก: ดื่มชาเขียวแบบผสม 3 กรัม และทาลงบนผิวหนังเป็นเวลา 6 เดือน
- โรคกระดูกพรุน: ทานแคปซูลที่มี polyphenols ในชาเขียวปริมาณ 500 มิลลิกรัม สองครั้งต่อวันเพียงอย่างเดียว หรือฝึกมวยไทเก๊ก เป็นเวลา 60 นาที สามครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 24 สัปดาห์
การใช้ทาบนผิวหนัง:
- สำหรับหูดที่อวัยวะเพศ: ยาทาที่ผลิตจากชาเขียว เช่น Veregen, Bradley Pharmaceuticals; Polyphenon E ointment 15% และ MediGene AG ใช้ทาที่หูด 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ผลิตภัณฑ์นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาในการรักษาโรคนี้
- สำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในช่องคลอด: ใช้ยาทาที่ผลิตจากชาเขียวเพียงอย่างเดียว สองครั้งต่อสัปดาห์ หรือใช้ร่วมกับ การรับประทานสารสกัดจากชาเขียว 200 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์
- ฝ้าในช่องปาก: ดื่มชาเขียวแบบผสม 3 กรัม และทาลงบนผิวหนังเป็นเวลา 6 เดือน
ปริมาณการใช้ชาเขียวอาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ปริมาณยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ผู้ทำการรักษาสำหรับปริมาณที่เหมาะสม
สมุนไพรดังกล่าวอาจอยู่ในรูปแบบใด
ชาเขียวอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
- ใบชาเขียวอบแห้งบรรจุแคปซูล
- สากสกัดจากชาเขียวที่ทำจากใบ และตาใบชาเขียว
- ยาทาเฉพาะที่
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]