อาการทางด้านจิตใจ
- หงุดหงิด หรือโมโหง่าย
- วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ
- อารมณ์แปรปรวน
- ความอยากอาหารเปลี่ยนไป อาจรับประทานมากขึ้น หรือน้อยลง
- มีปัญหาด้านการนอนหลับ อาจนอนหลับมากเกินไป หรือน้อยเกินไป
- เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
สาเหตุของอาการปวดท้องประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือนอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน อาจส่งผลให้ปวดท้องประจำเดือนได้
- เนื้องอกในมดลูก อาจเกิดขึ้นในเยื่อบุโพรงมดลูก เนื้องอกอาจมีขนาดเล็กระดับมิลลิเมตรไปจนถึงใหญ่ระดับหลายสิบเซนติเมตร ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื้องอกในเยื่อบุโพรงมดลูกอาจทำให้ประจำเดือนมามากและส่งผลให้ปวดท้องได้
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
- ปากมดลูกตีบ (Cervical stenosis)
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจส่งผลทำให้เป็นตะคริวและปวดได้
วิธีแก้ปวดท้องประจำเดือน
วิธีเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้
- รับประทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) พาราเซตามอล
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โยเกิร์ต
- รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ (low fat) เพื่อลดการสร้างกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic acid) ซึ่งเป็นสร้างตั้งต้นทำให้เกิดกลไกการปวดประจำเดือน
- รับประทานวิตามินเสริม ได้แก่ วิตามินอี วิตามินบีหนึ่ง และโอเมก้า 3
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้ว/วัน โดยอาจดื่มน้ำร้อนเพราะอาจช่วยเพิ่มกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและช่วยคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลให้อาจช่วยลดอาการปวดท้องที่เกิดจากการหดรัดตัวของมดลูกได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 45-60 นาที/วัน อย่างน้อย 3ครั้ง/สัปดาห์ เช่น เดิน วิ่ง โยคะ ปั่นจักรยาน เพื่อช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี นอกจากนี้ ขณะออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มีความสุข และอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องเกร็งช่วงหน้าท้องมาก ๆ เพราะอาจส่งผลให้ปวดประจำเดือนมากขึ้นได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
- ประคบร้อน จากการศึกษาใช้ถุงน้ำร้อนอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส ประคบบริเวณท้องน้อย ลดอาการปวดประจำเดือนได้ เนื่องจากความร้อนอาจช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ลดความเครียด โดยอาจบรรเทาความเครียดด้วยการนั่งสมาธิ โยคะ นวดบำบัด หรือหางานอดิเรกทำ เช่น ฟังเพลง ดูหนัง ไปเที่ยว เพื่อผ่อนคลาย
ทั้งนี้ หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนที่รุนแรงหรือเรื้อรัง ทานยาลดปวดแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ประจำเดือนมาน้อย หรือมามากเกินไป ประจำเดือนขาดนานเกิน 3 เดือน ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างตรงจุด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย