ฮอร์โมนเพศชายคืออะไร เป็นคำถามที่หลายคนอาจสงสัย ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโต ควบคุมความต้องการทางเพศ ควบคุมการทำงานของรังไข่ หากร่างกายมีระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ โดยฮอร์โมนส่วนใหญ่ที่พบได้มากคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosteron)
[embed-health-tool-bmr]
ฮอร์โมนเพศชายคืออะไร
ฮอร์โมนเพศชาย คือ ฮอร์โมนที่สามารถพบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งผลิตขึ้นในอัณฑะของผู้ชาย รวมถึงรังไข่และต่อมหมวกไตของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างขนทั่วทั้งร่างกาย กระตุ้นให้เกิดแรงขับทางเพศ ผลิตอสุจิ ควบคุมการทำงานของรังไข่ที่ช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติ การตั้งครรภ์ โดยร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น
ฮอร์โมนเพศชายมีบทบาทสำคัญอย่างไร
บทบาทสำคัญของฮอร์โมนเพศชายสำหรับผู้ชาย
- ช่วยผลิตเม็ดเลือดแดง
- ปรับโทนเสียง ที่อาจส่งผลให้มีเสียงทุ้มขึ้น
- เสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง และเสริมสร้างพัฒนาการของอวัยวะเพศชายและอัณฑะ
- กระตุ้นการสร้างขนทั่วทั้งร่างกาย เช่น ใบหน้า ขนอวัยวะเพศ รักแร้ หน้าอก เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
- เพิ่มความต้องการทางเพศ
- กระตุ้นการผลิตอสุจิ
บทบาทสำคัญของฮอร์โมนเพศชายสำหรับผู้หญิง มีดังนี้
- ช่วยผลิตเม็ดเลือดแดง
- เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
- กระตุ้นการสร้างขนบริเวณรักแร้และขนอวัยวะเพศ
- กระตุ้นความต้องการทางเพศ
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุล
ปกติแล้วระดับฮอร์โมนเพศชายในผู้ชายตามเกณฑ์ควรอยู่ที่ประมาณ 200-800 นาโนกรัม/เดซิลิตร ส่วนฮอร์โมนเพศชายในผู้หญิงจะอยู่ที่ประมาณ 20-80 นาโนกรัม/เดซิลิตร ซึ่งหากฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุลก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพ ดังนี้
ปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุลในผู้ชาย
- ผมร่วง
- อัณฑะ และอวัยวะเพศอ่อนแอ การผลิตอสุจิและอารมณ์ทางเพศลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและมีบุตรยาก
- ความหนาแน่นของกระดูกและมวลกล้ามเนื้อลดลง
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า
- ขาดสมาธิ มีปัญหาด้านการจดจ่อและการจดจำ
ปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุลในผู้หญิง
- สิวขึ้น
- ผมร่วง
- ร่างกายมีขนเยอะผิดปกติ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ และประจำเดือนขาด
- ขนาดเต้านมลดลง
- เพิ่มความเสี่ยงภาวะความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome) และมีการเจริญพันธุ์ที่ผิดปกติ นำไปสู่ปัญหาการมีบุตรยาก
ฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุลควรทำอย่างไร
วิธีการรักษาปัญหาฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุล อาจทำได้ดังนี้
- สำหรับผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายสูง อาจทำการรักษาตามสาเหตุและอาการที่เป็น ซึ่งอาจมีทั้งการผ่าตัด การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน และการใช้ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (Anti-androgen) เพื่อช่วยลดระดับของฮอร์โมนเพศชาย
- สำหรับผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายต่ำ คุณหมออาจแนะนำให้บำบัดฮอร์โมนเพศชาย โดยอาจฉีดหรือฝังยาฮอร์โมนเพศชายใต้ผิวหนัง รวมถึงแปะแผ่นฮอร์โมนบริเวณกระพุ้งแก้มในข่องปาก และรับประทานยาในรูปแบบเม็ด เพื่อช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย
ข้อควรระวังในการให้ฮอร์โมนเพศชาย
- การใช้ฮอร์โมนเพศชายในเพศชาย สามารถทำให้อัณฑะหยุดการผลิตอสุจิ ซึ่งทำให้เกิดปัญหามีบุตรยากได้
- การใช้ฮอร์โมนเพศชายในผู้หญิง ทำให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง รวมถึงมะเร็งบางชนิดได้
ฉะนั้นการตัดสินใจให้ฮอร์โมนเพศชาย จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น