โรคซิฟิลิส คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เมื่อเป็นแล้วผู้ป่วยจะมีแผลที่มีขอบแข็งปรากฏตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นในปาก ในช่องคลอด และใต้หนังหุ้มปลายองคชาต ทั้งนี้ แม้ซิฟิลิสจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รู้จักกันทั่วไปแต่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้อยู่ไม่น้อย เช่น ซิฟิลิสไม่สามารถติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือผู้ที่เคยเป็นซิฟิลิสและรักษาโรคจนหายแล้วจะไม่เป็นซ้ำ
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อสไปโรคีทแบคทีเรีย ทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema pallidum) ซึ่งติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงผ่านทางรอยขีดข่วน หรือบาดแผลต่าง ๆ เช่น แผลฉีกขาดบริเวณลิ้นหรือทวารหนัก รวมทั้งจากหญิงตั้งครรภ์สู่ทารก
ทั้งนี้ อาการของโรคซิฟิลิสแบ่งได้เป็นหลายระยะ โดยในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยจะมีแผลที่มีขอบนูนแข็งปรากฏตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีต่อมน้ำเหลืองที่รับน้าเหลืองจากบริเวณแผลโตได้ รวมถึงมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ ผื่นขึ้น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือกระดูก
หากปล่อยโรคซิฟิลิสไว้โดยไม่รักษา เชื้ออาจแพร่กระจายไปตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและอาจเข้าไปทำลายหัวใจและหลอดเลือด ทำให้การทำงานของหัวใจเสื่อมหรือหัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด
นอกจากนั้น เชื้อซิฟิลิสยังสามารถแพร่กระจายสู่ระบบประสาท และก่อให้เกิดโรคซิฟิลิสของระบบประสาท (Neurosyphilis) ซึ่งส่งผลให้แขนขาอ่อนแรง ม่านตาอักเสบ กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ สูญเสียการได้ยิน หรือสมองเสื่อมได้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคซิฟิลิส คืออะไร
แม้ซิฟิลิสจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รู้จักกันโดยทั่วไป แต่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้อยู่หลายประการ ได้แก่
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันโรคซิฟิลิสและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง และเลือกมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว หรือผู้ที่ผ่านการตรวจโรคเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเสพยาเสพติดเพื่อลดโอกาสเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมทางเพศแบบขาดสติ และควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำโดยเฉพาะผู้ที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อยครั้ง