ขาหนีบดำ คือ ภาวะที่ผิวหนังบริเวณขาหนีบมีสีเข้มหรือคล้ำกว่าสีผิวบริเวณอื่น อาจเกิดจากผิวหนังบริเวณขาหนีบเสียดสีกันเป็นประจำเนื่องจากการออกกำลังกายหรือการเดิน ความผิดปกติของฮอร์โมนโดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปรับฮอร์โมน ยาเคมีบำบัด แสงแดด ผิวแห้งมาก เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป โรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ขาหนีบดำและป้องกันขาหนีบดำอย่างถูกต้อง อาจช่วยให้รับมือกับภาวะนี้ได้ดีขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
วิธีแก้ขาหนีบดำ
วิธีแก้ขาหนีบดำด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
1. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda)
เบกกิ้งโซดา อาจช่วยขจัดเซลล์ผิวที่แห้งและเป็นขุยออกไปได้อย่างอ่อนโยน และช่วยปรับค่า pH ของผิวให้สมดุลขึ้น การใช้เบกกิ้งโซดาในการแก้ไขปัญหา ขาหนีบดำ อาจทำได้ดังนี้
อุปกรณ์
- เบกกิ้งโซดา 1-2 ถ้วย
- น้ำเปล่า
วิธีทำ
- เทเบกกิ้งโซดาลงในน้ำเปล่า คนให้ละลาย
- ใช้ขนหนูชุบน้ำเบกกิ้งโซดาแล้วประคบที่ขาหนีบไว้ประมาณ 10-15 นาที
- เช็ดผิวให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิว
สามารถใช้วิธีนี้ได้ทุกวัน แต่หากทำแล้วผิวหนังผิดปกติ หรือมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที
2. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar)
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังอาจช่วยลดปัญหาผิวที่เกิดจากภาวะออกซิเดชัน การใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในการช่วยแก้ขาหนีบดำ อาจทำได้ดังนี้
อุปกรณ์
- น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- สำลีก้อน
วิธีทำ
- ผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลกับน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน
- จุ่มสำลีก้อนลงไปให้ชุ่ม แล้วทาบริเวณขาหนีบที่มีรอยดำคล้ำ
- ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)
สารสกัดจากว่านหางจระเข้ อาจช่วยให้สีผิวที่เข้มคล้ำบริเวณขาหนีบจางลงได้
อุปกรณ์
- ใบว่านหางจระเข้ ปริมาณตามต้องการ
- เจล ปริมาณตามต้องการ
วิธีทำ
- นำใบว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก แล้วขูดเอาเฉพาะเนื้อด้านใน
- ผสมเนื้อว่านหางจระเข้ลงในเจลที่เตรียมไว้
- นำส่วนผสมที่ได้มาทางบริเวณขาหนีบที่มีรอยดำคล้ำ
- ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก
สามารถลดเลือดรอยดำที่ขาหนีบด้วยเจลผสมว่านหางจระเข้ได้ทุกวัน หากผสมเจลกับว่านหางจระเข้ไว้ในปริมาณมาก สามารถแช่เจลที่เหลือเอาไว้ในตู้เย็น เพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งถัดไปได้
4. น้ำมะนาว
น้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยลดการสังเคราะห์เมลานินในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ วิธีแก้ขาหนีบดำด้วยน้ำมะนาว สามารถทำได้ดังนี้
อุปกรณ์
- น้ำมะนาวครึ่งลูก
- สำลีแผ่น
วิธีทำ
- จุ่มสำลีแผ่นลงในน้ำมะนาวที่เตรียมไว้ แล้วทาบริเวณขาหนีบที่ดำคล้ำ หากผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือกังวลว่าผิวจะระคายเคือง ให้เจือจางน้ำมะนาวด้วยน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่ากัน
- ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5. น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าว มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ช่วยไม่ให้ผิวแห้ง และลดการเสียดสีที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ขาหนีบดำ การบรรเทาอาการขาหนีบดำด้วยน้ำมันมะพร้าว อาจทำได้ดังนี้
อุปกรณ์
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ทาน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บริเวณขาหนีบ
- ทิ้งไว้จนกว่าจะแห้ง
สามารถรักษาขาหนีบดำด้วยวิธีนี้ได้วันละ 1-2 ครั้ง
6. ขมิ้น (Turmeric)
ขมิ้นมีสารประกอบที่เรียกว่า เคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งอาจช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีและทำให้ขาหนีบมีสีจางลงได้ การแก้ขาหนีบดำด้วยขมิ้น สามารถทำได้ดังนี้
อุปกรณ์
- ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่าเล็กน้อย
วิธีทำ
- ผสมผงขมิ้นกับน้ำ 1-2 หยด แล้วคนให้เข้ากัน
- ทาขมิ้นผสมน้ำที่ได้บริเวณขาหนีบที่ดำคล้ำ
- ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
7. แตงกวา (Cucumber)
ขาหนีบดำคล้ำ อาจเป็นผลมาจากต้นขาด้านในเสียดสีกันมากเกินไป หรือผิวแห้งมาก แตงกวาอาจช่วยบำรุงผิว ช่วยลดการระคายเคืองและอาการบวมที่ผิวหนัง จึงอาจช่วยให้ขาหนีบที่ดำคล้ำดีขึ้นได้ สามารถใช้แตงกว่ารักษาขาหนีบดำได้ด้งนี้
อุปกรณ์
- แตงกวาครึ่งลูก
- เครื่องปั่น
วิธีใช้
- ปั่นแตงกวาครึ่งลูกให้ละเอียด จากนั้นนำมาทาบริเวณขาหนีบที่มีรอยดำคล้ำ
- ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สามารถใช้วิธีนี้ได้ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง
วิธีแก้ขาหนีบดำด้วยผลิตภัณฑ์ที่ขายตามร้านค้า หรือร้านขายยา
จากข้อมูลของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Dermatology หรือ ADD) ชี้ให้เห็นว่า ส่วนผสม 4 ชนิดดังต่อไปนี้ อาจช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นโดยไม่เสี่ยงต่อการแพ้
- ถั่วเหลือง
- วิตามินบี 3 หรือไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)
- กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid)
- ลิกนิน เปอร์ออกซิเดส (Lignin Peroxidase)
นอกจากนี้ ส่วนผสมดังต่อไปนี้ก็อาจช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้เช่นกัน
- อาร์บูติน (Arbutin)
- กรดโคจิก (Kojic Acid)
- ชะเอมเทศ (Licorice)
ดังนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมดังกล่าว อาจช่วยลดความคล้ำเข้มของผิวหนังบริเวณขาหนีบได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาเภสัชกรหรือคุณหมอก่อน เพื่อจะได้ประเมินสาเหตุที่ทำให้ขาหนีบดำ และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
โดยทั่วไปแล้ว คุณหมอผิวหนังมักแนะนำให้บรรเทาอาการขาหนีบดำด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้
- เรตินอยด์ (Retinoids) ครีมที่มีเรตินอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอเป็นส่วนผสมอาจช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง และช่วยรักษารอยดำบนผิวหนังได้ แต่อาจต้องใช้เรตินอยด์เป็นเวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้ผิวแห้งขึ้น ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
วิธีแก้ขาหนีบดำด้วยเลเซอร์
การปรับสภาพผิวด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถลดการเกิดเซลล์เม็ดสีได้โดยไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น ซึ่งคุณผิวหนังสามารถให้คำปรึกษาได้ว่าภาวะขาหนีบดำที่เป็นอยู่สามารถรักษาด้วยเลเซอร์ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองบริเวณขาหนีบอยู่ช่วงหนึ่ง หากขาหนีบต้องเสียดสีกันบ่อย ๆ
วิธีป้องกันไม่ให้ขาหนีบดำ
วิธีเหล่านี้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาหนีบดำได้
- ป้องกันการเสียดสีด้วยการสวมกางเกงซับในหรือถุงน่องเอาไว้ข้างในกระโปรงหรือชุดที่สวมใส่
- รักษาบริเวณต้นขาด้านในให้สะอาด และสครับผิวอย่างเบามือเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วซึ่งอาจสะสมอยู่บนผิวหนัง
- สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และไม่รัดแน่นเกินไป เพื่อป้องกันเหงื่อและแรงเสียดสี
- หลีกเลี่ยงการโกนหรือแว็กซ์ขนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน หากต้องเผชิญแสงแดด ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง และพยายามอย่าให้ผิวเผชิญแสงแดดโดยตรง