หากปากแห้งแตก หรือลอกเป็นขุย อาจทำให้ปากยิ่งดูเหี่ยวย่นมีริ้วรอยชัดเจน การผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครับริมฝีปากเป็นประจำทุกวัน เช่น สครับด้วยน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำผึ้ง ใช้แปรงสีฟันขัดริมฝีปากเบาๆ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวริมฝีปากที่เสื่อมสภาพและแห้งลอก ทำให้ปากดูนุ่มเนียน และดูสุขภาพดีขึ้น
ทาลิปบาล์มเป็นประจำ
หลังจากสครับริมฝีปากแล้ว ควรทาลิปบาล์มหรือลิปบำรุงริมฝีปาก เพื่อให้ปากชุ่มชื้นไม่แห้งลอก หรือเหี่ยวย่น สำหรับตอนกลางวันควรเลือกใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันกันแดด จะได้ปกป้องผิวบริเวณริมฝีปากไม่ให้ถูกรังสียูวีทำร้ายจนปากเหี่ยวย่น ส่วนกลางคืนก็อาจทาลิปบาล์มที่เนื้อเข้มข้นขึ้น หรือน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นตลอดคืน ตื่นมาปากจะได้ดูเรียบเนียน อวบอิ่ม ทาลิปสติกออกมาสวย
ทาครีมกันแดดทุกวัน
แม้จะไม่ควรทาครีมกันแดดที่บริเวณริมฝีปากโดยตรง แต่ก็ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้า ใบหู และลำคอ รวมถึงผิวบริเวณรอบริมฝีปากเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวไม่ได้ถูกทำร้ายจากรังสียูวี โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) อย่างน้อย 30 โดยทาก่อนออกแดด 15 นาที และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง และทางที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในช่วงแดดจัด คือ ประมาณ 10.00-14.00 น.
วิธีรักษาปากเหี่ยวย่นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือสารโบทูลินั่ม (Botulinum) เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่นิยมใช้ในการลดเลือนริ้วรอยบนริมฝีปาก ช่วยยกกระชับผิว และทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก โบท็อกซ์จะไปทำให้กล้ามเนื้อรอบริมฝีปากเคลื่อนไหวได้น้อยลง เมื่อเคลื่อนไหวน้อย ริ้วรอยก็ลดลง โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังฉีดโบท็อกซ์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 3-5 วัน จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการให้ริมฝีปากเรียบเนียนขึ้นแบบทันใจ แต่ควรเลือกสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือ และปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ จะได้ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจที่สุด
เลเซอร์ผิว
การเลเซอร์ผิวเพื่อรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- เลเซอร์ที่ทำให้เกิดแผล หรือเกิดอาการลอก (Ablative Laser Resurfacing) เป็นการฉายแสงเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวลงไปบนผิวหนัง เพื่อทำให้เกิดแผลเล็กๆ บนผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นกำพร้าลงไปจนชั้นหนังแท้แล้วแต่ที่ต้องการ เพื่อให้เกิดการซ่อมแซมผิวใหม่ เหมาะสำหรับปากเหี่ยวย่นมาก แต่มีข้อเสียคือ หลังทำแล้วต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดีมาก และอาจเกิดผลข้างเคียงได้
- เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดแผล หรือผิวหนังไม่ลอก (Non-ablative laser Resurfacing) แสงเลเซอร์ชนิดนี้จะปล่อยพลังงานความร้อนไปยังคอลลาเจนที่อยู่ในผิวส่วนลึกหรือชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ได้ดีขึ้น และเซลล์ผิวหนังจัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบ ทำให้ผิวหนังตึงและเรียบเนียนขึ้น รอยเหี่ยวย่นจึงจางลง วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหาปากเหี่ยวย่นไม่มาก แม้จะไม่ทำให้เกิดแผล แต่ก็มีข้อเสียคือต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะเริ่มเห็นผล ไม่ได้เห็นผลทันตา
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย