รอยแผลเป็นจากสิว เป็นปัญหาผิวที่อาจพบได้บ่อย อย่างไรก็ตาม การรักษาอย่างถูกวิธีอาจช่วยกำจัดรอยแผลเป็นจากสิว หรือทำให้รอยดูจางลง ทั้งยังอาจช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วย
[embed-health-tool-heart-rate]
รอยแผลเป็นจากสิว รักษาและป้องกันได้อย่างไร
รอยแผลเป็นจากสิวอาจรักษาและป้องกันได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้
หลีกเลี่ยงแสงแดด
การสัมผัสแสงแดดอาจทำให้รอยแผลเป็นจากสิวเข้มขึ้นได้ เนื่องจากรังสียูวีจากแสงแดดจะกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดสีที่ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฉะนั้น ก่อนออกจากบ้าน ควรทาครีมกันแดดแบบ Broad-spectrum ที่มีค่า SPF 50 เพราะครีมกันแดดแบบ Broad-spectrum สามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี หลังทาครีมกันแดด ควรรอ 15 นาทีค่อยออกแดด และควรทาครีมกันแดดใหม่ทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง ว่ายน้ำ หรือเหงื่อออกมาก นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง และควรสวมเครื่องแต่งกายที่ป้องกันแสงแดดเป็นพิเศษ
ไม่ควรแกะแผลเป็น
แผลเป็น คือ วิธีการที่ร่างกายรักษาตนเอง แผลเป็นจากสิวโดยส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน การบีบเค้นบริเวณสิวจะทำให้หนองและเชื้อแบคทีเรียตรงเข้าสู่ผิวหนังลึกมากขึ้น เกิดเนื้อเยื่อที่อักเสบและ จนเกิดความเสียหายมากขึ้น
ไม่ควรใช้วิตามินอีรักษาแผลเป็น
วิตามินอีอาจไม่ได้ทำให้แผลเป็นหายเร็วขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อโดยทั่วไป ในความเป็นจริงแล้ว วิตามินอีอาจทำให้แผลยิ่งหายช้าลง มีการศึกษาพบว่า วิตามินอีไม่ช่วยให้การรักษาแผลเป็นให้หายเร็วขึ้นในคนส่วนใหญ่ และบางคนอาจเกิดผื่นแพ้สัมผัสหลังจากใช้วิตามินอีทาที่ผิวหนังได้
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำให้ผิวกระจ่างใส
แผลเป็นสีเข้มสามารถใช้ครีมที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ เช่น กรดโคจิก วิตามินซี อาร์บูติน
การเลเซอร์ผิว และการฉีดฟิลเลอร์
แผลเป็นจากสิวที่รุนแรงอาจต้องได้รับการรักษาด้วยการเลเซอร์โดยคุณหมอผิวหนัง ซึ่งการรักษาในรูปแบบนี้จะใช้เทคโนโลยีในกลุ่ม Fractionated Laser เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียน และเสริมการสร้างคอลลาเจนในผิว ซึ่งจะช่วยให้รอยหลุมสิวถูกเติมเต็มได้ หากมีรอยแผลเป็นจากสิวแบบลึก หรือหลุมสิว ก็สามารถใช้การตัดผังผืดใต้ผิวหนังร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มหลุมสิวดังกล่าวได้