สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหากับรอยสิวหลังจากสิวหายควร รักษารอยสิว อย่างทันท่วงที เพราะถึงแม้ว่ารอยสิวจะปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราวก่อนจางลงตามระยะเวลา แต่สำหรับบางคนก็อาจคงมีรอยแผลเป็นสีเข้มเช่นเดิม หรือมีผิวหน้าไม่เรียบเนียน และสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจเมื่อออกไปพบเจอผู้คน
รอยสิวเกิดจากอะไร
รอยสิว คือ ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากสิวประเภทต่าง ๆ เช่น สิวอักเสบ ก้อนซีสต์ เนื่องจากเป็นกลุ่มสิวที่จัดอยู่ในระดับปานกลางถึงรุนแรง มีหนองและอุดตันใต้ผิวหนังยากจะนำออก
ประเภทของรอยสิวส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- รอยสิวทั่วไป รอยสิวนี้จะปรากฏต่อเมื่อหลังจากสิวหายโดยสามารถสังเกตได้จากสีผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวเปลี่ยนเป็นแดง น้ำตาล ดำ และอาจจางหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษา แต่ใช้เวลานาน
- รอยสิวหลุมลึก เป็นรอยสิวที่ก่อให้เกิดหลุมสิวขึ้นบนใบหน้า แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
รอยสิวชนิดหลุมจิก (Ice Pick Scars) เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวที่ฝังลึกทำร้ายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งในขณะที่เซลล์ผิวได้รับความเสียหายร่างกายจะผลิตคอลลาเจนเพื่อมาซ่อมแซมแต่ก็อาจไม่สามารถผลิตได้มากเพียงพอ จึงก่อให้เกิดรอยแผลเป็นชนิดหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกแต่กว้างไม่เกิน 2 มิลลิเมตร นอกจากนี้รอยสิวชนิดหลุมจิกอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการบีบสิว กดสิวร่วมด้วย รอยสิวชนิดโค้งกว้าง (Rolling Scars) รอยสิวชนิดโค้งกว้าง คือรอยสิวประเภทหลุมสิวที่เกิดจากการสูญเสียเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเช่นเดียวกับรอยสิวชนิดหลุมจิก แต่อาจมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งรอยสิวประเภทนี้จะมีความตื้นกว่า แต่ขนาดปากหลุมสิวกว้างกว่า ประมาณ 4-5 มิลลิเมตร และมีผิวหนังเป็นโค้งเป็นคลื่น รอยสิวแบบหลุมกว้าง (Boxcar Scars) เป็นรอยสิวหรือหลุมสิวที่อาจใช้ระยะเวลารักษานานกว่าชนิดอื่น ๆ เพราะเกิดจากสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือซีสต์แข็งที่ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดและมีขนาดใหญ่ ร่างกายจึงผลิตคอลลาเจนมาเติมเต็มเนื้อเยื่อผิวที่หายไปได้ยากขึ้น ซึ่งบางคนอาจไม่สามารถกลับมามีผิวหนังที่เรียบเนียนในสภาพเดิม หรืออาจส่งผลให้เป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ วิธีรักษารอยสิว
วิธี รักษารอยสิว ให้จางลงสีผิวสม่ำเสมอ และมีผิวที่เรียบเนียน สามารถทำได้ดังนี้
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ครีม หรือยารักษารอยสิว ที่ประกอบด้วยกรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) และกรดไฮดรอกซี (Hydroxyl acids) ช่วยให้รอยดำ รอยแดงจากสิวจางลง การขัดผิว สำหรับวิธีนี้อาจเหมาะสำหรับรอยแผลเป็นในระดับรุนแรง และควรได้รับการขัดผิวจากคุณหมอผิวหนังเท่านั้น เพราะอาจจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อนำชั้นผิวหนังด้านบนออก แต่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น สีผิวเปลี่ยนแปลง การฉีดสเตียรอยด์ เป็นวิธีรักษารอยสิวนูนที่พบบ่อยมากที่สุด เพื่อให้รอยสิวนั้นยุบตัวลง แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างสม่ำเสมอจนกว่ารอยสิวจะเรียบเนียนขึ้น ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid) เข้าไปบริเวณหลุมสิว เพื่อทำให้หลุมสิวตื้น ผิวหนังเต่งตึง รอยแผลเป็นจางลงเพียงชั่วคราวประมาณ 1 ปี ซึ่งอาจจะต้องทำการรักษาหลายครั้ง ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ วิธีรักษารอยสิวนี้อาจเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหลุมสิว หรือมีรอยสิวที่ตื้น ซึ่งคุณหมอจะเลเซอร์บริเวณผิวหนังชั้นบนสุด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ใช้ลูกกลิ้งนวดหน้า หรือ Skin Needling เป็นอุปกรณ์ที่ที่มีหนามแหลมเล็กติดอยู่บนลูกกลิ้ง ซึ่งประโยชน์ของหนาวแหลมนี้อาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเนื้อเยื่อใต้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิว แต่ผู้ที่มีรอยสิวหรือหลุมสิวจากสิวอักเสบที่รุนแรงอาจใช้วิธีนี้รักษาควบคู่กับการเลเซอร์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ไวขึ้นได้ การลอกผิวด้วยสารเคมี เป็นวิธีรักษารอยสิวคล้ายกับการผลัดเซลล์ผิวแบบอื่น ๆ ด้วยการใช้สารเคมี เช่น กรดเอเอชเอ (AHA) กรดพีเอชเอ (PHA) เป็นต้น เพื่อให้ผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบพองและลอกออก เพื่อให้ผิวฟื้นฟูคืนความเรียบเนียน การกระชับผิวด้วยคลื่นความถี่ คือวิธีที่ช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวเรียบเนียน แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว การใช้เข็มตัดพังผืดใต้ผิว (Subcision) เป็นวิธียกกระชับรอยแผลเป็นจากสิวให้ดูตื้นขึ้น โดยคุณหมอจะนำเข็มขนาดเล็ดเข้าไปใตผิวหนังเพื่อตัดเส้นใยหรือพังผืดออก ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวหน้ามีรอยฟกช้ำ 1-2 สัปดาห์ การป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
การป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวคือการรักษาสิวอย่างถูกต้อง ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- รักษาสิวและลดการอักเสบของสิวด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารระคายเคืองและใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ยารักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว โดยอาจขอคำปรึกษาได้จากคุณหมอผิวหนัง
- ไม่นำมือไปสัมผัสที่สิว หรือแกะสิว บีบสิว เพราะอาจทำให้แบคทีเรียเข้าไปในชั่นผิวที่ลึก ทำให้สิวอักเสบขึ้น
- หากแผลเป็นที่สิวตกสะเก็ดควรหลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผล ปล่อยให้แผลหลายดีจนชั้นสะเก็ดแผลหลุดลอกออกเอง
- หมั่นทาครีมกันแดด (ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว) เป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ในสิวพัฒนาเป็นเมลาโนไซต์ (Melanocytes) เนื่องจากเซลล์นี้อาจส่งผลให้รอยสิวมีเข้ม และผิวหมองคล้ำขึ้นได้