สิวหัวช้าง เกิดจากอะไร
สิวหัวช้าง (Nodulocystic acne) เป็นสิวอักเสบรุนแรงขนาดใหญ่ที่พบในผิวหนังชั้นลึก เนื่องจากมีแบคทีเรีย เช่น โพรพิโอแบคทีเรียม แอคเน (Propionibacterium acnes) หรือเชื้อพีแอคเน (P. acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว มักพบที่ใบหน้า หน้าอก หลัง ต้นแขน ไหล่ สิวหัวช้างส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นตุ่มหรือไตขนาดใหญ่ที่บวมแดง คัน อักเสบ มีหนองหรือของเหลวอยู่ภายใน สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ สามารถอยู่ได้นานหลายวัน หากไม่รีบเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดแผลเป็น จึงควรรีบรักษาให้หายตั้งแต่เนิ่น ๆ
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดสิวหัวช้าง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวหัวช้าง อาจมีดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน อาจกระตุ้นให้ต่อมน้ำมันผลิตไขมันปริมาณมากจนเกิดเป็นไขมันส่วนเกินที่อาจส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเสี่ยงเกิดสิวหัวช้าง
- ยารักษาโรคบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ลิเธียม (Lithium) ยารักษาโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล มีส่วนประกอบของโบรไมด์ (Bromides) ไอโอไดด์ (Iodides) ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ รวมไปถึงสิวหัวช้างได้
- ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS) อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป ซึ่งจะไปเพิ่มการขับไขมันบนผิวหนัง จนทำให้เสี่ยงเกิดสิวได้
- อากาศร้อน มักทำให้เหงื่อออกมาก ส่งผลให้ผิวหนังอับชื้น มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขนจนเกิดสิว หากมีแบคทีเรียเติบโตในสิวก็อาจเสี่ยงเกิดสิวหัวช้างได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและผิวระคายเคืองได้ง่าย เช่น ซิลิโคน แอลกอฮอล์ พาราเบน
- การสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง อาจทำให้แบคทีเรียจากมือหรือวัตถุที่สัมผัสใบหน้าเข้าสู่ผิวหนังและก่อให้เกิดสิวหัวช้างได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย