backup og meta

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic fatty liver)

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic fatty liver)

คำจำกัดความ

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ คืออะไร

ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic fatty liver หรือ nonalcoholic steatohepatitis) เป็นคำเรียกชื่อโรคสำหรับผู้ได้รับผลจากภาวะผิดปกติของตับ จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย หรือไม่ได้ดื่มเลย ลักษณะเฉพาะของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ คือ มีไขมันสะสมที่เซลล์ตับมากเกินไป

ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ขั้นรุนแรง สังเกตได้จากอาการตับอักเสบขั้นรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็น และสร้างความเสียหายแก่ตับที่ไม่สามารถรักษาได้ ความเสียหายดังกล่าวคล้ายคลึงกับความเสียหายที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก

ความรุนแรงสูงขั้นสูงสุดของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ คือ โรคตับแข็ง และภาวะตับวาย หากไม่ได้รับการรักษา โรคตับแข็งสามารถก่อให้เกิดอาการดังต่อไปนี้

อาการของโรคตับแข็ง

  • มีน้ำในช่องท้อง
  • อาการบวมที่หลอดเลือดในหลอดอาหาร ซึ่งอาจแตกและมีเลือดออกได้
  • มึนงง ง่วงซึม และพูดไม่ชัด
  • มะเร็งตับ
  • ตับวายระยะสุดท้าย ซึ่งหมายความว่า ตับหยุดทำงาน

สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ พบได้บ่อยแค่ไหน

ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์พบได้บ่อยมาก และสามารถส่งผลต่อผู้ป่วยได้ในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40 และ 50 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหัวใจเนื่องจากความเสี่ยงต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2

อย่างไรก็ดี ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการของ ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

อาการที่พบได้ทั่วไปของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ได้แก่

  • ตับโต
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดท้องด้านขวาบน

สัญญาณบ่งชี้และอาการที่เป็นไปได้ของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ และโรคตับแข็งที่เกิดจากแผลเป็นขั้นรุนแรง ได้แก่

  • ท้องบวม (มีน้ำในท้อง)
  • หลอดเลือดโต ใต้ผิวหนัง
  • หน้าอกโตในผู้ชาย
  • ม้ามโต
  • ฝ่ามือแดง
  • ผิวหนังและตาเหลือง (ดีซ่าน)

สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์

ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด

หากคุณมีสัญญาณหรืออาการที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์

ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ

สาเหตุ

สาเหตุของไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ระดับไขมันสูงในตับ เบาหวานหรือภาวะก่อนเป็นเบาหวาน (ภาวะดื้อต่ออินซูลิน) ภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันในเลือดสูง (เช่น คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง) ความดันโลหิตสูง

นักวิจัยให้ความสำคัญกับปัจจัยหลายประการที่อาจสัมพันธ์กับการลุกลามของภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ได้แก่

  • ภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ ความไม่สมดุลระหว่างสารที่ส่งเสริมการเกิดออกซิเดชันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ตับเสียหาย
  • การสร้างและการปลดปล่อยโปรตีนที่เป็นพิษ (cytokines) จากเซลล์ที่เกิดการอักเสบ เซลล์ตับ หรือเซลล์ไขมันของผู้ป่วยเอง
  • เซลล์ตับตายหรือเซลล์ตาย
  • การอักเสบของเนื้อเยื่อไขมัน และเกิดการแทรกซึมของเซลล์เม็ดเลือดขาว
  • จุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut microbiota) ซึ่งจัดว่าเป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น

  • ระดับคอเลสเตอรอลสูง
  • ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
  • โรคที่เกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหาร
  • โรคอ้วน โดยเฉพาะเมื่อมีไขมันสะสมปริมาณมากในช่องท้อง
  • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
  • โรคหยุดหายใจขณะหลับ
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป
  • ภาวะฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองน้อยกว่าปกติ
  • เป็นผู้สูงอายุ

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

ไม่มีการทดสอบใดที่สามารถวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ได้ แพทย์จะซักถามเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพอื่นๆ ในเบื้องต้น ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

การตรวจเลือด

  • การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์
  • การทดสอบเอนไซม์ในตับและการทำงานของตับ
  • การทดสอบหาโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัส (ตับอักเสบเอ ตับอักเสบซี และอื่นๆ)
  • การตรวจคัดกรองโรคแพ้กลูเตน
  • การเจาะหาน้ำตาลหลังอดอาหาร
  • การตรวจหาฮีโมโกลบิน A1C ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคงที่ของน้ำตาลในเลือด
  • การตรวจระดับไขมันในเลือด เช่น คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

การตรวจโดยใช้ภาพถ่าย

  • การอัลตราซาวด์ ซึ่งเป็นการตรวจในระยะแรกเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคตับ
  • การตรวจด้วยซีทีสแกนหรือเอ็มอาร์ไอบริเวณช่องท้อง แต่เทคนิคดังกล่าวไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างโรคตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกออฮอล์และภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ได้
  • การตรวจแบบ Transient elastography ซึ่งเป็นการตรวจประเมินพังผืดตับ ด้วยการอัลตราซาวด์ เพื่อวัดความแข็งของตับ โดยความแข็งของตับบ่งชี้ถึงระดับพังผืด (fibrosis) และแผลเป็น (scarring)
  • การตรวจแบบ Magnetic resonance elastography เป็นการตรวจประเมินพังผืดตับ ด้วยการรวมการถ่ายภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก กับภาพที่เกิดจากคลื่นเสียงที่กระทบออกจากตับ เพื่อสร้างภาพถ่ายที่แสดงความแข็งของตับซึ่งแสดงให้เห็นถึงพังผืดได้

การทดสอบเนื้อเยื่อตับ

หากการทดสอบอื่นไม่สามารถหาข้อสรุปได้ อาจแนะนำให้มีการทดสอบเนื้อเยื่อตับ ในการทดสอบนี้ แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากตับ โดยใช้เข็มสอดเข้าไปในตับผ่านทางผนังช่องท้อง

ตัวอย่างเนื้อเยื่อจะได้รับการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ของการติดเชื้อและพังผืด การตรวจเนื้อเยื่อตับอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ในผู้ป่วยบางราย และอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อย โดยแพทย์จะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดของตรวจ

การรักษาไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

การรักษาภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ได้แก่ การจัดการปัจจัยเสี่ยงและการควบคุมอาการ โดยสามารถปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • ลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม
  • รักษาระดับน้ำหนักร่างกายให้เหมาะสม โดยควรลดน้ำหนักร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 10 ของน้ำหนักร่างกายโดยรวม
  • ควบคุมโรคเบาหวาน
  • หยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองที่ช่วยจัดการภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองดังต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรับมือกับภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ได้

  • ควบคุมน้ำหนัก
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ใช้ยาเท่าที่จำเป็น และปฏิบัติตามข้อแนะนำเกี่ยวกับขนาดยาอย่างเคร่งครัด

หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmr]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Topic Overview-nonalcoholic stetohepatitis (NASH). http://www.webmd.com/digestive-disorders/tc/nonalcoholic-steatohepatitis-nash-overview#1. Accessed Mar 12, 2017.

Nonalcoholic fatty liver disease. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/nonalcoholic-fatty-liver-disease/home/ovc-20211638. Accessed Mar 12, 2017.

Fatty Liver Disease NAFLD. http://patients.gi.org/topics/fatty-liver-disease-nafld/. Accessed Mar 12, 2017.

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/05/2020

เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

สุดยอดอาหาร 12 ชนิดบำรุงตับ

อาหารล้างพิษตับ 14 ชนิด ที่จะช่วยให้ตับสะอาด ปราศจากสารพิษ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา