backup og meta

เป็นแผลในกระเพาะอาหาร มีวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 01/02/2021

    เป็นแผลในกระเพาะอาหาร มีวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้าง

    หนึ่งในอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารที่เรามักจะพบกันได้บ่อย ๆ ก็คือ แผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้หากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อระบบทางเดินอาหาร แต่ถ้าจู่ ๆ เราก็เป็นแผลในกระเพาะอาหารขึ้นมาล่ะ จะมีวิธีรับมืออย่างไรได้บ้าง หากสงสัยกันล่ะก็ วันนี้ Hello คณหมอ มีสาระน่ารู้และวิธีการรับมือเมื่อ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร มาฝากค่ะ

    แผลในกระเพาะอาหารคืออะไร

    แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) เกิดจากการที่เยื่อบุในกระเพาะอาหารถูกทำลายจากกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร หรือบางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter Pylori) การรับประทานยาแอสไพริน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด หรือแม้แต่การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด ก็สามารถก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน 

    แผลในกระเพาะ อาหารสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ

    • แผลในกระเพาะอาหารที่เกิดขึ้นด้านในของกระเพาะอาหาร (Gastric ulcers)
    • แผลในกระเพาะอาหารที่เกิดบนเยื่อบุลำไส้เล็ก (Duodenal ulcer)

    อาการของแผลในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร

    ผู้ที่เป็น แผลในกระเพาะอาหาร มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    อาการปวดของ แผลในกระเพาะอาหาร สามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา อาการปวดก็อาจกลับมาได้อีกครั้ง หรืออาจทำให้มีอาการปวดท้องในตอนกลางคืน

    เป็นแผลในกระเพาะอาหาร จะรักษาได้อย่างไร

    แผลในกระเพาะอาหาร สามารถหายเองได้ แต่ก็สามารถที่จะกลับมาเป็นอีกครั้งได้เช่นกัน แพทย์จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุเพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยอาจใช้วิธีการรักษาดังต่อไปนี้

    • หากสาเหตุในการเกิด แผลในกระเพาะอาหาร มาจากติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์ก็จะทำการรักษาด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    • รักษาโดยการให้รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
    • รักษาโดยการให้รับประทานยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร
    • รักษาโดยการให้รับประทานยาป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ

    อย่างไรก็ตาม แผลในกระเพาะอาหาร อาจรักษาไม่หาย ถ้าหาก

    • ไม่รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
    • เชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรเกิดการดื้อยา
    • สูบบุหรี่เป็นประจำ
    • หากเป็นแผลที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นประจำ
    • มีการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมากจนเกินไป
    • หากเป็นแผลที่เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นที่ไม่ใช่เชื้อเอชไพโลไร
    • เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
    • มีอาการทางสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease)

    วิธีป้องกันไม่ให้ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร

    เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเป็น แผลในกระเพาะอาหาร ได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตง่าย ๆ ดังนี้

    • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
    • เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร และยังอาจรบกวนการทำงานของเยื่อบุในกระเพาะอาหารอีกด้วย
    • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลำไส้
    • รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดแต่พอดี เพราะอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน สามารถก่อให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารได้
    • ผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ เพราะความเครียดอาจส่งผลต่อกระเพาะอาหาร และเสี่ยงต่อการอักเสบภายในกระเพาะอาหารได้

    เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ

    ไปพบคุณหมอทันทีหากคุณมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรืออาการปวดท้องเนื่องจาก แผลในกระเพาะอาหาร ไม่ดีขึ้นแม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม เพราะหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษา แผลในกระเพาะอาหาร อาจจะมีอาการรุนแรงขึ้น แล้วนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น

    • การตกเลือดภายใน
    • กระเพาะอาหารเป็นรู
    • การอุดตันในทางเดินอาหาร
    • โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 01/02/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา