คำจำกัดความ
เลือดออกตามไรฟัน คืออะไร
เลือดออกตามไรฟัน (Bleeding gums) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดไหลออกจากบริเวณเหงือกและตามไรฟัน ส่วนใหญ่มักเกิดจากขาดการกำจัดคราบหินปูน (plague) ออกจากฟันในส่วนที่ติดกับร่องเหงือก ซึ่งโรคเลือดออกตามไรฟันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมได้
เลือดออกตามไรฟัน พบบ่อยเพียงใด
โรคเลือดออกตามไรฟันนั้นพบได้ทั่วไป และเกิดขึ้นในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย แต่สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์หากคุณต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม
อาการ
อาการของโรคเลือดออกตามไรฟัน
สัญญาณเตือนและอาการของโรคเลือดออกตามไรฟันที่มักจะพบได้มีดังต่อไปนี้
- เหงือกมีอาการบวม แดง และเจ็บ
- เหงือกบวมตั้งแต่บริเวณรากฟัน
- ฟันโยก
- ลมหายใจมีกลิ่น
- มีการรับรสชาดิที่ผิดเพี้ยนไป
- การสบฟันผิดปกติ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
ควรไปพบหมอทันทีหากคุณและคนที่คุณรักมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการเลือดออกนั้นรุนแรงและเรื้องรัง
- เหงือกยังคงมีเลือดออกต่อเนื่อง แม้ได้รับการรักษาแล้ว
- มีอาการอื่นๆ ตามมาหลังอาการเลือดออก
เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้นหรือมีข้อสงสัยโปรดปรึกษาแพทย์
ทั้งนี้ร่างกายของคนเรามีปฏิกิรยาแตกต่างกัน โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและแนวทางการรักษาที่เหมาะกับอาการของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของโรคเลือดออกตามไรฟัน
คุณอาจจะมีอาการเลือดออกตามไรฟัน หากคุณมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
- แปรงฟันแรงเกินไปหรือขนแปรงสีฟันไม่นุ่มพอ
- เพิ่งเริ่มใช้ไหมขัดฟัน เหงือกจึงยังไม่คุ้นเคย
- รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- เหงือกอักเสบเนื่องจากตั้งครรภ์
- ฟันปลอมไม่พอดีกับเหงือก
นอกจากนี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้แก่
- เหงือกอักเสบ (Gingivitis)
เลือดออกตามไรฟันเป็นสัญญาณเตือนของโรคเหงือกอักเสบ หรือเกิดการอักเสบบริเวณเหงือก พบได้ทั่วไปและเป็นอาการเหงือกอักเสบที่ไม่รุนแรง สาเหตุเกิดจากการก่อตัวของคราบหินปูนบริเวณไรฟัน
หากคุณมีอาการเหงือกอักเสบ สังเกตได้จากเหงือกเกิดการระคายเคือง แดง และบวม หรืออาจมีเลือดออกขณะแปรงฟัน
คุณสามารถขจัดปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยฟันของคุณให้ดี โดยการแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน รวมทั้งบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมที่ต้านแบคทีเรีย และพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- โรคปริทนต์ (Periodontitis)
หากคุณปล่อยปละละเลยอาการเหงือกอักเสบ นั่นอาจเป็นสาเหตุของภาวะลุกลามที่นำไปสู่โรคที่เรียกว่า ปริทนต์ (periodontitis) คือ อาการเรื้อรังที่เหงือกถูกทำลายลงไปถึงระดับเนื้อเยื่อและกระดูกที่คอยพยุงฟัน
หากคุณมีอาการของโรคปริทนต์ เหงือกของคุณจะอักเสบและติดเชื้อ ลุกลามไปจนถึงระดับรากฟัน
หากเหงือกของคุณเลือดออกได้ง่าย อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปริทนต์ คุณอาจต้องสูญเสียฟันหรือฟันผิดรูป อาจมีกลิ่นปาก การรับรสที่ผิดเพี้ยน การสบฟันที่ผิดปกติ เหงือกบวมแดงและอักเสบ
หากไม่ทำการรักษาโรคปริทนต์ คุณอาจต้องสูญเสียฟันบางส่วน
- เบาหวาน (Diabetes)
เลือดออกตามไรฟัน หรือเหงือกบวมนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานประเภทที่ 1 หรือ 2 เมื่อคุณป่วยเป็นเบาหวาน ช่องปากของคุณจะไม่สามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคไได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุณอาจติดเชื้อได้ง่าย เช่น มีอาการของโรคเหงือก
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่มากับโรคเบาหวานนั้นทำให้ร่างกายของคุณเยียวยาตัวเองได้ยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้อาการของโรคเหงือกนั้นแย่ลง
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
เลือดออกตามไรฟันอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยตามปกติแล้ว เกล็ดเลือดจะทำหน้าที่ห้ามเลือดในร่างกาย แต่หากคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดของคุณจะอยู่ในระดับต่ำ และอาจทำให้เลือดหยุดได้ยากในส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเหงือกด้วย
- เกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
หากเหงือกของคุณเลือดออกหลังจากแปรงฟัน และเลือดไม่สามารถหยุดเองได้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia)
หากคุณมีอาการดังกล่าว ร่างกายของคุณอาจมีเกล็ดเลือดไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการจับตัวกันของเลือด ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการเลือดออกไม่หยุดในส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเหงือกของคุณด้วย
- โรคเลือดไหลไม่หยุด หรือ โรควอนวิลลิแบรนด์ (Hemophilia or von Willebrand Disease)
หากคุณมีอาการเหงือกเลือดออก หรือ เลือดออกมากเมื่อได้มีบาดแผลเล็กน้อยจากถูกบาด หรือทำฟัน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเลือดไหลไม่หยุด
ในภาวะนี้ เลือดของคุณจะไม่สามารถจับตัวกันได้ดีนัก ทำให้คุณอาจมีอาการเลือดออกที่บริเวณเหงือก
- ขาดวิตามินซี (Vitamin C Deficiency )
วิตามินซี นั้นช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเอง มันช่วยรักษาบาดแผลและทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง หากร่างกายของคุณได้รับวิตามินซี ไม่เพียงพอ คุณอาจรู้สึกอ่อนแอและเจ็บปวดได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงมีอาการอักเสบบวมแดงที่บริเวณเหงือกอีกด้วย
- โรคลักปิดลักเปิด (Scurvy)
โรคนี้เป็นโรคที่พบได้ยาก เกิดจากการขาดวิตามินซี อย่างรุนแรงของร่างกาย ซึ่งนำไปสู่อาการของโรคลักปิดลักเปิด รวมทั้งโรคที่เกิดจากภาวะการขาดโภชนาการ ทำให้อ่อนแอ โลหิตจาง และเกิดภาวะเลือดออกใต้ผิวหนัง การพบว่ามีเลือดออกบริเวณเหงือกจึงอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคลักปิดลักเปิดได้
- ขาดวิตามินเค (Vitamin K Deficiency )
คุณอาจสังเกตเห็นเลือดออกบริเวณเหงือกปริมาณมาก อาจเป็นเพราะคุณได้รับวิตามินเค ไม่เพียงพอ วิตามินเค นั้นมีส่วนช่วยให้เลือดจับตัวกันอย่างพอเหมาะ และมีส่วนเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก หากคุณได้รับวิตามินเค จากอาหารไม่เพียงพอ หรือร่างกายของคุณไม่สามารถดูดซึมวิตามินเค ได้ดี อาจเป็นสาเหตุของปัญหาเลือดออกตามมา
อาการดังกล่าวข้างตนนั้นเป็นสาเหตุของอาการเลือดออกบริเวณเหงือก โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ชัดเจนต่อไป
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน ได้แก่
- ฟันปลอมไม่พอดีกับเหงือก
- ไม่ดูแลสุขอนามัยช่องปาก
- ขาดวิตามิน
- ตั้งครรภ์
- มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการเลือดออกตามไรฟัน
หากคุณพบว่ามีอาการเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟันหรือบ้วนปาก โปรดไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคเพิ่มเติม แพทย์จะทำการตรวจสอบเหงือกของคุณเพื่อดูว่ามีอาการอักเสบหรือแผลอะไรหรือไม่ ตรวจสอบความแข็งแรงของเหงือก และทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง
การรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
สิ่งสำคัญในการรักษาอาการเลือดออกตามไรฟันคือ การรักษาความสะอาดของช่องปากให้ดี คุณควรไปหาทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเพื่อทำการตรวจสุขภาพฟันและทำความสะอาดคราบพลัคและขูดหินปูน ทันตแพทย์อาจจะสอนวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้องให้คุณทราบ การแปรงฟันอย่างถูกต้องและการขูดหินปูนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกตามไรฟันได้
นอกจากนี้ทันตแพทย์ยังอาจให้คุณใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อลดการเกิดคราบพลัค การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือก็สามารถช่วยลดอาการเหงือกบวมที่ทำให้มีเลือดออกได้อีก
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองเพื่อรับมือกับโรคเลือดออกตามไรฟัน
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตนเองด้วยวิธีการดังต่อไปนี้อาจช่วยให้คุณรับมือกับอาการเลือดออกตามไรฟัน
- พบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อขูดหินปูน ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลสุขอนามัยช่องปาก
- แปรงฟันเบาๆ ด้วยแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน หากเป็นไปได้ควรแปรงฟันหลังจากการรับประทานอาหารทุกมื้อ และขัดฟันด้วยไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้งเพื่อป้องกันการก่อตัวของคราบหินปูน
- ทันตแพทย์อาจแนะนำให้คุณบ้วนปากด้วยเกลือ หรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่อาจส่งผลให้อาการแย่ลง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดของขบเคี้ยวระหว่างมื้อและงดอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต
- เข้ารับการตรวจโรคปริทันต์
- งดสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้อาการเลือดออกตามไรฟันแย่ลง บุหรี่และยาสูบสามารถนำมาซึ่งปัญหาเลือดออกตามไรฟันได้
- หยุดเลือดออกตาไรฟันด้วยการกดลงบริเวณเหงือกด้วยผ้าก๊อซที่แช่น้ำเย็นจัด
- หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าขาดวิตามิน ก็ควรรับวิตามินเสริม
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- หากเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ส่งผลให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาชนิดอื่น ห้ามเปลี่ยนยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์โดยเด็ดขาด
- ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดช่องปากกับบริเวณฐานฟันเพื่อนวดเหงือก
- ปรึกษาทันตแพทย์ในกรณีที่ฟันปลอมหรือวัสดุทันตกรรมนั้นไม่พอดีกับฟัน หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้เหงือกอักเสบ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์เรื่องการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดบริเวณเหงือก
หากมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจอาการและหาแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]