เมื่อมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ จาม คุณอาจจะคิดว่าเป็นไข้หวัด แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นสัญญาณของภูมิแพ้ได้เช่นกัน แม้ว่าทั้งภูมิแพ้และไขหวัดนั้น จะมีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก จนบางครั้งก็ไม่สามารถแยกได้ แต่ว่าวิธีการรักษาทั้ง 2 ก็มีความต่างกัน หากสามารถแยกได้ว่าเราเป็น ภูมิแพ้ หรือ ไขหวัด ก็จะช่วยให้ใช้ยาได้อย่างถูกประเภท Hello คุณหมอ จึงมีข้อมูลดีๆ ที่จะเป็นตัวช่วยว่าตกลงเราเป็น ภูมิแพ้ หรือ ไข้หวัด กันแน่
ไข้หวัด คืออะไร
ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสหลายๆ ชนิดก็มีส่วนทำให้เกิดไข้หวัด ซึ่งจะมีอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะมีอาการพื้นฐานคล้ายๆ กัน ซึ่งไข้หวัดใหญ่มักจะมีลักษณะ ดังนี้
แพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่ง เมื่อไอหรือจามอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เมื่อไข้หวัดรุนแรงจะทำให้เกิดอาการปวดหัว ไข้ขึ้น และมีอาการปวดเมื่อยตามตัว โดยปกติแล้ว ไข้หวัดจะหายได้เร็ว ภายใน 7-10 วัน หากมีอาการเรื้อรังนานกว่า 1หรือ2 สัปดาห์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง เช่น ติดเชื้อไซนัส ปอดอักเสบ
ภูมิแพ้ เป็นอย่างไรกันแน่
ภูมิแพ้ เกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันทำปฏิกิริยากับสิ่งต่าง ๆ เช่น อาหาร เกสรดอกไม้ อากาศ ฝุ่น เมื่อร่างกายได้รับหรือสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ระบบภูมิคุ้มกันจะปล่อยสารที่เรียกว่าฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอาการภูมิแพ้ ซึ่งอาการของภูมิแพ้นั้นมีความหลากหลาย แต่มีอาการบางอย่างที่มีความเหมือนไข้หวัด จนทำให้หลายๆ คนสับสนกับอาการที่เกิดขึ้น อาการต่างๆ เหล่านี้ได้แก่ ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก น้ำตาไหล
ภูมิแพ้ หรือ ไข้หวัด แยกอย่างไรให้รู้
เนื่องจากไข้หวัดและอาการภูมิแพ้มีความเหมือนกันหลายๆ อย่าง จึงอยากที่จะแยกได้ว่าเป็นอาการของไข้หวัด หรืออากาศของภูมิแพ้ วิธีที่จะบ่งบอกได้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรให้ดูที่สาเหตุ และดูที่อาการ โดยสารมารถแยกได้คือ
ไข้หวัดมักจะทำให้ร่างกายเกิดอาการต่างๆ ดังนี้
- ปวดเมื่อย อ่อนล้า ปวดตามตัว
- เจ็บคอ
- มีไข้
ส่วนอาการของภูมิแพ้มักจะมี ดังนี้
- เกิดอาการคันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- หายใจแล้วมีเสียงหวีด
- มีผื่นขึ้นตามผิวหนังคล้ายอาการของ ลมพิษ
วิธีจัดการกับไข้หวัดง่ายๆ
ไข้หวัดนั้นจริงๆ แล้วสามารถหายได้เอง เพราะร่างกายจะทำหน้าที่ในการกำจัดไวรัสออกไปเรื่อยๆ แต่ยังมีวิธีการบรรเทาอาการหวัดเบื้องต้นที่สามารถทำได้เองด้วย เช่น รับประทานยาหรือสมุนไพรแก้ไอ รับประทานยาแก้ปวด ลดไข้ หรือใช้ยาสำหรับพ่นจมูก แต่การใช้ยานั้นควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการใช้อย่างเหมาะสม ไม่ควรใช้ยานานเกินกว่าที่แพทย์กำหนด เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
เมื่อเป็นภูมิแพ้ต้องทำอย่างไร
การป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ การไม่พยายามเข้าใกล้หรือไปโดนสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ แต่หากไม่ทราบว่าตนเองนั้นแพ้อะไร ควรลองใช้ในปริมาณที่น้อยก่อน เพื่อดูปฏิกิริยาการแพ้ หรือหากต้องการทราบว่าแพ้อะไร สามารถทดสอบการแพ้ได้ที่โรงพยาบาล ซึ่งทางคุณหมอจะทำการป้ายสารต่างๆ ลงที่แขนเพื่อทดสอบอาการแพ้