ผลการศึกษาวิจัยก็แสดงให้เห็นว่า ช่วยรักษาอาการให้ดีขึ้นได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้เหงื่อจะเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การฉีดซ้ำในการรักษาผู้ที่เป็นโรคนี้ ก็ถือว่ามีความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง อาจดีขึ้นได้ด้วย โบท็อกซ์
ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนคงดีใจกันถ้วนหน้า เมื่อมีการอนุมัติให้ใช้โบท็อกซ์ในการรักษาโรคปวดหัวไมเกรนเรื้องรัง เมื่อปี 2010 ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้มักต้องทนทุกข์กับอาการคลื่นไส้ ตาสู้แสงไม่ได้ และอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณศีรษะ ซึ่งอาจรวมถึงอาการเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อหนังศีรษะด้วย
โดยคุณหมอจะฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณขมับ ด้านหลังคอ และบริเวณฐานศีรษะ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นเกิดการผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บปวดลดลง อีกบริเวณหนึ่งที่คุณหมออาจจะฉีดโบท็อกซ์ด้วย ก็คือบริเวณแสกหน้าหรือบริเวณหว่างคิ้ว เนื่องจากการขมวดคิ้วก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้เหมือนกัน
โรคอัมพาตใบหน้า (Bell’s palsy)
โรคอัมพาตใบหน้า จะทำให้ใบหน้าครึ่งซีกเกิดการอ่อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเส้นประสาทที่เชื่อมต่อสมองกับอวัยวะต่างๆ ถูกกระตุ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวาน หรือติดเชื้อไวรัสบางชนิด ถึงแม้ว่าโรคอัมพาตใบหน้าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นชั่วคราว แต่การฉีดโบท็อกซ์ก็ช่วยให้มีอาการดีขึ้นได้
อาการทางตาจากโรคไทรอยด์
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการตึงบริเวณหนังตา ทำให้ตาดูเหลือกหรือบวมได้ และหนังตาไม่สามารถเลื่อนลงไปปกป้องบริเวณดวงตาได้ ทำให้ดวงตาแห้งและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณหนังตา เพื่อทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นอ่อนแอลง ทำให้ลืมตาหรือหลับตาได้เป็นปกติ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด