โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาใหญ่ทางด้านสุขภาพ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 300 ล้านคนทั่วโลก แต่งานมีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานลดลง โดยงานวิจัยหนึ่งที่ทำการศึกษาในกลุ่มทดลองมากกว่า 457,922 ราย พบว่า การดื่มกาแฟดำวันละถ้วย อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 7
ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบได้บ่อย และมักจะนำไปสู่สภาวะสมองเสื่อมกับคนทั่วโลก ซึ่งโดยปกติจะเกิดกับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่พบว่า การดื่มกาแฟอาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้มากถึงร้อยละ 65 เนื่องจากสารคาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม จึงอาจสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์กระสมอง และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมองได้
ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสัน
โรคพาร์กินสันเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยรองจากโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเกิดจากเซลล์ประสาทในสมอง ที่ทำหน้าที่ผลิตสารโดพามีนเกิดตายลง มีงานวิจัยที่พบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสันน้อยลง ร้อยละ 32-60 นอกจากนี้ คาเฟอีนยังอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ทำให้อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย
ช่วยต่อสู้กับโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตชนิดรุนแรง ที่ทำให้ผู้คนต้องใช้ชีวิตแบบที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ซึ่งผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2011 นั้น แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากกว่า 4 ถ้วยต่อวัน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าลดลงได้ร้อยละ 20 และงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ทำการทดสอบกับผู้คนจำนวน 208,424 คน พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมากกว่า 4 ถ้วยต่อวัน อาจมีความเสี่ยงจะฆ่าตัวตายน้อยลงถึงร้อยละ 53
ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งบางชนิด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย