วิตามินอี มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นมีคุณสมบัติละลายในไขมัน ช่วยเพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงหัวใจ ส่งเสริมสุขภาพตา ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและอาจป้องกันมะเร็ง
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย
วิตามินอี มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นมีคุณสมบัติละลายในไขมัน ช่วยเพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงหัวใจ ส่งเสริมสุขภาพตา ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและอาจป้องกันมะเร็ง
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีมีหลายชนิด เช่น น้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ เฮเซลนัท ถั่วลิสง เนยถั่ว ผักปวยเล้ง บร็อคโคลี่ กีวี่มะม่วง มะเขือเทศ กะหล่ำปลี พริกหยวก หน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโด
วิตามินอีมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของวิตามินอีในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคจุดรับภาพเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age related Macular Degeneration หรือ AMD) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเรตินาในดวงตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุตามัวและสูญเสียความคมชัดในการมองเห็น โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Interventions in Aging เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 ศึกษาเกี่ยวกับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาที่อาจเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้น พบว่า วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของไขมันซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อภายในร่างกาย อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจเหมาะสำหรับใช้ในการบำรุงระบบประสาทและสมอง รวมทั้งช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทอีกด้วย โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Annals of the New York Academy of Sciences เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของโทโคไตรอีนอล (Tocotrienol) ซึ่งเป็นวิตามินอีธรรมชาติที่อาจช่วยปกป้องระบบประสาท พบว่า โทโคไตรอีนอลในรูปของวิตามินอีธรรมชาติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของระบบประสาท นอกจากนี้ โทโคไตรอีนอลยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ซึ่งช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกาย และมีประสิทธิภาพในการรักษาโครงสร้างและการทำงานของระบบประสาท
นอกจากนี้ ยังมีงานงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Healthcare เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินอีในการชะลอความบกพร่องทางสติปัญญา พบว่า วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและคุณสมบัติต้านการอักเสบ อาจมีประสิทธิภาพในการชะลอการลุกลามของภาวะสมองเสื่อมระยะเริ่มต้น
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการอักเสบในหลอดเลือด จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Therapeutics เมื่อเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน พ.ศ. 2553 ศึกษาเกี่ยวกับวิตามินอีกับโรคหัวใจและหลอดเลือด พบว่า วิตามินอีช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชัน เนื่องจากไขมันชนิดไม่ดี (LDL) กระตุ้นเซลล์บุผนังหลอดเลือดทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ยับยั้งการสลายของเซลล์ภูมิคุ้มกันในเนื้อเยื่อและยับยั้งการขยายหลอดเลือด ดังนั้น วิตามินอีจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ชายและผู้หญิงวัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ
วิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบในเซลล์และเนื้อเยื่อ อาจช่วยป้องกันมะเร็งได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Annals of Saudi Medicine เมื่อเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม พ.ศ. 2550 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินอีในการป้องกันมะเร็ง พบว่า วิตามินอีอาจมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชายที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งบุคคลที่มีอายุมากกว่า 55 ปี ผู้ป่วยที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และผู้ป่วยที่มีแอนติเจนจำเพาะต่อมลูกหมาก (Prostate-Specific Antigen หรือ PSA) สูง ซึ่ง PSA เป็นโปรตีนที่สร้างจากเซลล์ในต่อมลูกหมาก หากมีปริมาณมากอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้
วิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายจากรังสียูวีในแสงแดด โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Indian Dermatology Online Journal เมื่อเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม พ.ศ. 2559 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินอีต่อโรคผิวหนัง พบว่า วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด ปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระ
การขาดวิตามินอีอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ได้แก่
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขาดวิตามินอี จึงควรได้รับวิตามินอีในประมาณที่เหมาะสม ดังนี้
ควรพิจารณาการรับประทานวิตามินอีอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย