backup og meta

สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 22/06/2020

    สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง)

    มะเดื่อ (Figs) สุดยอดผลไม้ระดับโลก ที่คนไทยมักไม่นิยมนำมารับประทาน หากแต่ในต่างประเทศนั้น มีการรับประทานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ มะเดื่อฝรั่ง ที่มีรสหวานหอม สามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสด และแบบแห้ง สำหรับใครหลายคนที่ชอบทานสลัด…วันนี้ Hello คุณหมอ ภูมิใจนำเสนอ สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง) นำมาฝากทุกท่านกันค่ะ 

    มีอะไรซ่อนอยู่ในลูกมะเดื่อฝรั่งบ้าง

    มะเดื่อฝรั่ง

    อาจไม่เป็นที่คุ้นหูนักสำหรับคนไทย หรือบางคนอาจไม่เคยทราบเลยด้วยซ้ำว่า ผลหรือลูกมะเดื่อ สามารถนำมารับประทานได้ สำหรับมะเดื่อที่จะใช้ทำ สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง) ของเราในวันนี้นั้น เป็น มะเดื่อฝรั่ง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากมะเดื่อไทย

    มะเดื่อฝรั่ง มีผลที่ใหญ่กว่าและมีรสหวาน ขณะที่ มะเดื่อไทย มีรสฝาดอมหวานและมีขนาดผลที่เล็กกว่า ชาวตะวันตกนิยมทานมะเดื่อกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งมะเดื่อฝรั่งยังได้รับการจัดอันดับไว้ว่าเป็น 1ใน 10 สุดยอดผลไม้เพื่อสุขภาพของโลกอีกด้วย ซึ่งการรับประทานมะเดื่อฝรั่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้

    คุณค่าทางสารอาหาร

    มะเดื่อฝรั่ง อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ได้แก่ พลังงาน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล ใยอาหาร ไขมัน โปรตีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 โคลีน วิตามินซี วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแมงกานีส ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม และธาตุสังกะสี

    ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน

    หากคุณจะหาผลไม้ไปเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่รู้จะนำผลไม้อะไรไปเยี่ยม ขอแนะนำให้มะเดื่อฝรั่งเป็นตัวเลือก เพราะมะเดื่อฝรั่งได้รับการค้นพบว่า มีส่วนช่วยในการลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงลดปริมาณการใช้อินซูลินในร่างกายลงด้วย 

    บำรุงผิวพรรณ

    มะเดื่อฝรั่งเป็นแหล่งของวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุ การรับประทานมะเดื่อฝรั่งจึงช่วยให้สุขภาพผิวของคุณมีความสมดุล และทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดของคุณดีขึ้น

    บำรุงผม

    เชื่อว่าหลายคน จะต้องคุ้นหูกับคำโฆษณาในโทรทัศน์ที่ว่า “แชมพูยี่ห้อนี้ มีสารสกัดจากมะเดื่อฝรั่ง’ หรือ “แชมพูยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของมะเดื่อฝรั่ง’ ซึ่งจากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า มะเดื่อฝรั่งมีวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพของหนังศีรษะ ช่วยลดผมขาดหลุดร่วง ทำให้เส้นผมสุขภาพดี

    สารแอนตี้ออกซิแดนท์

    นักวิทยาศาสตร์พบว่า สารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระในมะเดื่อฝรั่งสามารถเพิ่มระดับไลโปโปรตีน (Lipoprotein) ในพลาสมา และยังช่วยดูแลโปรตีนนั้นจากการเกิดออกซิเดชันอีกด้วย จึงเป็นผลดีในการช่วยต้านเซลล์มะเร็งในบริเวณช่องท้อง และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้มากถึง 34 %

    เป็นตัวช่วยสำหรับการลดน้ำหนัก

    ใน มะเดื่อฝรั่ง นั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์ สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักนั้น การทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยให้อิ่มได้มากขึ้น ไม่ต้องรู้สึกหิวตลอดเวลา รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังลดน้ำหนัก ก็อย่าลืมหามะเดื่อฝรั่งมาเป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำหรับการลดน้ำหนัก

    วิธีเลือกมะเดื่อฝรั่ง สำหรับทำ สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง)

    มะเดื่อฝรั่ง เป็นผลไม้ที่บอบบางและเน่าเสียง่าย จึงอาจเน่าได้ภายใน 1-2 วันหลังจากซื้อ ดังนั้นการเลือกซื้อมะเดื่อฝรั่ง ให้เลือกดังต่อไปนี้

    • เลือก มะเดื่อฝรั่ง ที่ผลอวบกลม และนิ่ม
    • เลือกผลที่มีสีเข้มและไม่มีรอยช้ำ

    คำแนะนำสำหรับ มะเดื่อฝรั่ง

  • มะเดื่อฝรั่ง ที่ยังไม่สุกไม่ควรล้าง เมื่อสุกพร้อมที่จะกินจึงค่อยนำไปล้าง
  • ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเป็นเวลาประมาณสองวัน หากมะเดื่อฝรั่งยังไม่สุกให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเพื่อทำให้สุก
  • มะเดื่อฝรั่งแห้งนั้นมีปริมาณของน้ำตาลสูง การรับประทานมะเดื่อฝรั่งอบแห้งในปริมาณมาก จึงควรระวังอาการฟันผุ
  • การรับทานมะเดื่อฝรั่งอบแห้งในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
  • สูตรสลัดลูกฟิก (สลัดลูกมะเดื่อฝรั่ง)

    ส่วนผสม

    1. มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
    2. น้ำส้มสายชูหมัก หรือ Red wine vinegar 1 ช้อนโต๊ะ
    3. น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
    4. หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
    5. ลูกฟิกหรือ มะเดื่อฝรั่ง 4 ลูก
    6. มะกอกดำ 3-4 ลูก
    7. แผ่นนาโช่
    8. พาสลี่ย์ (Parsley) สับ 1 ช้อนโต๊ะ
    9. ผักสลัด (ตามใจชอบ)

    วิธีทำ

    1. เริ่มจากเตรียมน้ำสลัด โดยการผสมมัสตาร์ด น้ำส้มไวน์แดง หอมแดง น้ำมันมะกอก และพาสลี่ย์สับ ปรุงรสด้วย เกลือ และพริกไทย
    2. นำผักสลัด มะกอกดำ แผ่นนาโช่ และ มะเดื่อฝรั่ง เทใส่ในชามสำหรับผสม
    3. เสร็จแล้วราดด้วยน้ำสลัดที่เตรียมไว้ และนำเสิร์ฟ 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 22/06/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา