backup og meta

ข้าวฟ่าง ธัญพืชเมล็ดจิ๋ว กับคุณประโยชน์แจ๋วเกินตัว

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 17/12/2021

    ข้าวฟ่าง ธัญพืชเมล็ดจิ๋ว กับคุณประโยชน์แจ๋วเกินตัว

    ข้าวฟ่าง เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุอีกหลายชนิด ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น บำรุงสุขภาพหัวใจ บำรุงกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน

    ข้าวฟ่าง คืออะไร

    ข้าวฟ่าง (Millet) จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกับหญ้า ได้มีการเพาะปลูกในประเทศอินเดีย ประเทศไนจีเรีย และประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชียและแอฟริกา เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น บำรุงสุขภาพหัวใจ บำรุงกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกหลากหลายเมนู นอกจากนี้ข้าวฟ่างบางชนิดยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ได้อีกด้วย

    คุณค่าทางโภชนาการของข้าวฟ่าง

    ข้าวฟ่างอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต วิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิด โดยข้าวฟ่างปรุงสุก 1 ถ้วย ปริมาณ 174 กรัม ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้

  • พลังงาน 207 แคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 41 กรัม
  • ไฟเบอร์ 2.2 กรัม
  • โปรตีน 6 กรัม
  • ไขมัน 1.7 กรัม
  • ฟอสฟอรัส 25% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวัน
  • แมกนีเซียม 19% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวัน
  • โฟเลต 8% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวัน
  • เหล็ก 6% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวัน
  • ประโยชน์ของข้าวฟ่าง

    • ต้านอนุมูลอิสระ

    ข้าวฟ่างอุดมไปด้วยสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic) โดยเฉพาะกรดเฟอรูลิก (Ferulic) และคาเทชิน (Catechin) ซึ่งจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันภาวะเครียดออกซิเดชัน

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ข้าวฟ่างเป็นธัญพืชที่มีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลลดลง ถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    • บำรุงสุขภาพหัวใจ

    ข้าวฟ่างอุดมด้วยธาตุแมกนีเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ทั้งยังอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด

    • ป้องกันโรคเบาหวาน

    ข้าวฟ่างเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจาก ข้าวฟ่างอุดมด้วยธาตุแมกนีเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีคุณสมบัติช่วยให้ตัวรับอินซูลินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร
  • ข้าวฟ่างมีไฟเบอร์สูงช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องอืด ท้องผูก และลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ เป็นต้น

    ข้อควรระวังในการบริโภค

    • ถึงแม้ว่าข้าวฟ่างจะไม่มีสารกลูเตน แต่ยังคงมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งยับยั้งการทำงานของต่อมไทรอยด์ อาจส่งผลให้เกิดโรคคอพอกได้
    • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ไม่ควรรับประทานข้าวฟ่างในปริมาณมาก

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 17/12/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา