นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่า ระหว่างออกกำลังกาย คุณจะหายใจเพิ่มขึ้นจากประมาณ 15 ครั้งต่อนาที เป็นประมาณ 40-60 ครั้งต่อนาที จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นประจำ ทำให้ได้หายใจมากขึ้น ดังนั้น จึงควรออกกำลังกายเพื่อให้ปอดแข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
2. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลพิษ
การเผชิญกับมลพิษในอากาศ สามาถสร้างความเสียหายให้กับ สุขภาพปอด โดยตอนที่อายุยังน้อย สุขภาพยังแข็งแรง ปอดจะสามารถต่อต้านมลพิษได้ง่าย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปอดอาจไม่สามารถต่อสู้กับมลพิษ จนเป็นเหตุให้เกิดการติดเชื้อและเป็นโรคต่างๆ และสำหรับวิธีหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ อาจปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีควันบุหรี่
- สวมหน้ากากอนามัย หากไปในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศสูง เช่น บนถนนที่รถติดหนักตลอดทั้งวัน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายใกล้กับบริเวณที่รถติด
- ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ และหมั่นดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- รักษาความสะอาดภายในบ้านหรืออาคาร
3. ป้องกันการติดเชื้อ
การติดเชื้ออาจเป็นอันตรายต่อปอด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคปอดอย่างโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือผู้สูงอายุก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคปอดบวมได้ หากไม่ระวัง ดังนั้น วิธีที่จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในปอดคือ ควรหมั่นล้างมือให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ นอกจากนี้ยังควรกินผักและผลไม้ เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4. ฝึกการหายใจเข้าและหายใจออก
การหายใจเข้า-ออกลึกๆ สามารถช่วยทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้รู้สึกโล่งในปอด มากไปกว่านั้นยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Indian Journal of Physiology and Pharmacology ซึ่งนักวิจัยได้ให้กลุ่มตัวอย่าง 12 คนฝึกการหายใจเป็นเวลา 2 นาที 5 นาที และ 10 นาที ผลการวิจัยพบว่า การฝึกการหายใจเข้า-ออก แม้จะเป็นเวลาแค่ 2 นาทีและ 5 นาที ก็มีประโยชน์ต่อ สุขภาพปอด ทำให้การทำการงานของปอดดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น สมาคมโรคปอดแห่งสหรัฐอเมริกา ยังเห็นด้วยว่าการฝึกหายใจ สามารถทำให้ปอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น คุณจึงอาจลองฝึกหายใจเข้า-ออก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- หาที่นั่งที่สะดวกสบาย
- ค่อยๆ หายใจช้าๆ โดยหายใจเข้านับ 1, 2, 3, 4 และหายใจออกนับ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
- ฝึกหายใจแบบนี้เป็นเวลาประมาณ 2-5 นาที
เมื่อคุณฝึกการหายใจด้วยวิธีนี้ อาจช่วยบรรเทาความเครียด และทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
5. เลิกบุหรี่ เพื่อ สุขภาพปอด
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด แต่ไม่ใช่แค่เพียงเท่านี้ ความจริงแล้วการสูบบุหรี่เกี่ยวข้องกับโรคปอด ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Lung Disease/ COPD) โรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Pulmonary Fibrosis) และโรคหอบหืด นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้โรคเหล่านี้รุนแรงยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น คนที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 12-13 เท่า
นอกจากนี้ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ยังให้ข้อมูลว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุประมาณ 90% ของการเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งปอด ในผู้ชายและผู้หญิง มากไปกว่านั้นยังพบว่า ผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดในแต่ละปี มากกว่าการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านม
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรือสูบบุหรี่มานานแค่ไหน การเลิกบุหรี่ก็สามารถช่วยได้ เนื่องจากการเลิกบุหรี่ภายใน 12 ชั่วโมง จะส่งผลให้ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด ลดลงสู่ระดับปกติ และหากเลิกบุหรี่เป็นเวลา 1-2 เดือน การทำงานของปอดจะเริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ถ้าคุณไม่ได้สูบบุหรี่เป็นเวลา 1 ปี ความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจจะเป็นครึ่งหนึ่งของคนที่สูบบุหรี่ และสุขภาพจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่ได้สูบบุหรี่อีกต่อไป
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย