สาเหตุของ Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปมักเป็นผลมาจากความวิตกกังวล ความเครียด หรือโรคแพนิค และยังอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- การใช้สารกระตุ้น
- การบริโภคยาเกินขนาด
- ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
- การตั้งครรภ์
- การติดเชื้อที่ปอด รวมถึงป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอดอย่างโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetic Ketoacidosis)
- ศีรษะได้รับบาดเจ็บ
- การเดินทางไปอยู่ในที่ที่มีระดับความสูงเหนือกว่า 6,000 ฟุต (1,828 เมตร)
- จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ
ควรไปพบคุณหมอ โดยเฉพาะหากพบว่าภาวะหายใจเร็วเกินไปมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ผิดปกติ ดังนี้
- เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึกแล้วเจ็บกว่าเดิม
- หายใจไม่ออก หรือหายใจลำบาก
- หัวใจเต้นเร็ว
- ไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่น
- เป็นลม หมดสติ
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย Hyperventilation Syndrome
ในการวินิจฉัยกลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไป คุณหมอจะสอบถามอาการคนไข้ ประวัติสุขภาพ การใช้ยา การผ่าตัด และโรคประจำตัว ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจขอตรวจเลือดหรือเอกซเรย์หากสงสัยว่ามีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ
รวมทั้งเพื่อตรวจระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
การรักษา Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปมักได้รับการรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การฝึกหายใจแบบต่าง ๆ เช่น การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องแทนหน้าอก การหายใจทางรูจมูกโดยปิดปากไว้ การกลั้นหายใจครั้งละ 10-15 วินาทีแล้วค่อยผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ
- การลดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายหรือเข้ารับการบำบัดกับจิตแพทย์ การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ เพื่อฝึกให้จิตใจสงบ
- การรับประทานยาเพื่อบรรเทาภาวะวิตกกังวล เช่น อัลปราโซแลม (Alprazolam) ด็อกเซปิน (Doxepin) พาร็อกซีทีน (Paroxetine)
- การพูดคุยกับเพื่อนหรือระบายความในใจกับคนที่ไว้ใจได้ เพื่อรับฟังคำปลอบโยนที่อาจช่วยให้รู้สึกดีมีกำลังใจ คลายความวิตกกังวล
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปอาจป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ผ่อนคลายจิตใจด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือไทเก๊ก เพื่อสร้างความสงบ ผ่อนคลาย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
- หายใจด้วยวิธีที่คุณหมอแนะนำให้ฝึก หากเริ่มหายใจเร็วหรือลึกกว่าปกติ
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย