หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง และแน่นอนว่าหากคุณไม่อยากให้ระบบทางเดินหายใจของตนเองพังลง การทราบถึงข้อมูล สาเหตุ อาการ การรักษา ไว้เบื้องต้น อาจช่วยให้คุณห่างไกล หรือรู้จักป้องกันตนเองจากหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ดีมากยิ่งขึ้น
คำจำกัดความ
หลอดลมอักเสบเรื้อรัง คืออะไร
หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) คือ การอักเสบของท่อหายใจ หรือหลอดลม จนส่งผลกระตุ้นในการผลิตเสมหะปริมาณมาก และยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในระยะยาวอย่างน้อย 3 เดือน หรือนานกว่า 2 ปี ด้วยกัน อีกทั้งบางคนอาจเกิดการติดเชื้อลงปอดได้ด้วย หากยังมีอาการที่ไม่ดีขึ้น หากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคลอดลมอักเสบเรื้อรัง สามารถพบบ่อยได้เพียงใด
ส่วนใหญ่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง จะพบได้บ่อยในช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป พร้อมกับมีประวัติป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
อาการ
อาการ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
อาการทั่วไปของ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ที่คุณสามารถสังเกตได้ง่าย มีดังนี้
- อาการไอ และมีเสมหะ
- หายใจเสียงดังหืด ๆ
- แน่นหน้าอก
- หายใจถี่ โดยเฉพาะขณะที่คุณมีการใช้แรงกายหนัก เช่น การออกกำลังกาย
- รู้สึกเหนื่อยง่าย
แต่สำหรับบางคนอาจมีอาการอื่น ๆ อย่าง อาการเจ็บคอ เมื่อยกล้ามเนื้อ ไข้ขึ้น เท้าบวม สีผิวเปลี่ยนสี และอาการปวดหัว ร่วมด้วย
สาเหตุ
สาเหตุหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไม่ได้มาจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจมีสาเหตุอื่น ๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมด้วยที่ทำให้หลอดลมเกิดอาการบวม และอักเสบขึ้น ดังนี้
- ฝุ่นละออง
- ควันเสียของยานพาหนะ
- ควันไฟ
- สารเคมีบางชนิดอย่างสีย้อมผม สเปรย์ฉีดผม เป็นต้น
- ควันของบุหรี่ หรือสารในยาสูบประเภทอื่น ๆ
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจล้มเหลว โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเผชิญกับโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ง่ายขึ้น รวมทั้งผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างหนักมาเป็นเวลานาน ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดถึง 75% ของการนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าตนเองมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ คุณสามารถเข้าขอรับการตรวจเช็กจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในทันที ด้วยเทคนิคการวินิจฉัย ดังต่อไปนี้
- วัดระดับออกซิเจนในเลือด
- เช็กอัตราการเต้นของชีพจร
- เอกซเรย์ทรวงอก เพื่อเผยให้เห็นเซลล์ และเนื้อเยื่อภายใน
- การใช้ซีทีแสกน (CT Scan) เป็นการผสมผสานระหว่างการเอกซเรย์ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ให้เผยเป็นภาพภายในออกมาให้เห็นถึงสาเหตุได้เด่นชัดมากขึ้น
- สไปโรเมตรีย์ (Spirometry) การตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด
การรักษา หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
หลังจากการวินิจฉัยแพทย์อาจกำหนดยาบรรเทาอาการให้เหมาะสมแต่ละสภาวะทางสุขภาพของบุคคล เพื่อไม่ให้อาการที่คุณเป็นแย่ลงไปกว่าเดิม ยาส่วนใหญ่ที่แพทย์เลือกใช้ ได้แก่
- ยาขยายหลอดลม เช่น อัลบูเทอรอล (Albuterol) อะลูเพ้นท์ (Alupent) ไทโอโทรเปียม โบรไมด์ (Tiotropium Bromide) Ipratropium Bromide (ไอปราโทเปียม โบรไมด์) เป็นต้น
- กลุ่มยาสเตียรอยด์ บรรเทาอาการอักเสบ ลดบวม เช่น เพรดนิโซโลน (prednisolone) เมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) บูเดโซไนด์(Budesonide) เบโคลเมทาโซน (Beclomethasone) เป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจให้มีการบำบัดด้วยออกซิเจน หรือผ่าตัดปลูกถ่ายปอดใหม่ เพื่อช่วยให้คุณมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองเพื่อป้องกันและรักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
เป็นที่ทราบกันดีว่าบุหรี่ คือ สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ดังนั้น ในช่วงระหว่างที่คุณกำลังรักษาตัวเองให้พ้นจากหลอดลมอักเสบเรื้อรังอาจเริ่มด้วยการเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาด โดยสามารถเข้าขอรับการบำบัดในการเลิกบุหรี่จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
อีกทั้งเมื่อคุณต้องออกไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอก คุณจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อให้ได้รับสารพิษจากควันรถ ควันไฟ ฝุ่นละอองน้อยสุด และควรออกกลังกายอยู่เสมอ พร้อมรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามกำหนด เนื่องจาก วัคซีนชนิดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ที่ส่งผลในการทำร้ายปอดได้