การหายใจของทารกในครรภ์ นั้นเกี่ยวข้องกับผู้เป็นแม่โดยตรง เนื่องจากทารกไม่สามารถหายใจทางจมูกหรือทางปากได้เอง เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์นั้น ทารกเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยน้ำคร่ำ ดังนั้น ทารกจึงหายใจและได้รับออกซิเจนผ่านทางรกของผู้เป็นแม่ การหายใจเข้าและออกของคุณแม่จึงสำคัญต่อทารกมากกว่าที่คิด
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การหายใจของทารกในครรภ์
คนเราหายใจอย่างไร
การหายใจปกติ ทั้งการหายใจเข้าและออก ต้องอาศัยปอดในการส่งอากาศที่มีออกซิเจนไปยังหลอดเลือด เพื่อส่งเข้าสู่กระแสเลือด การกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกระแสเลือด และส่งสารอาหารภายในร่างกายก็ใช้กลไกเดียวกัน แต่สำหรับ การหายใจของทารกในครรภ์ นั้นจะแตกต่างออกไป เพราะระบบการไหลเวียนโลหิตของทารกในครรภ์กำลังพัฒนา สายสะดือและรกที่เชื่อมระหว่างแม่กับทารกจึงต้องทำหน้าที่แทนปอด
อวัยวะที่ทารกใช้หายใจแทนปอด
ปอดและระบบทางเดินหายใจ จะเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของการตั้งครรภ์ และพัฒนาการต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงช่วงวัยเด็กตอนต้น ทารกในครรภ์จึงต้องแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์กับผู้เป็นแม่ ผ่านรกและสายสะดือ สารอาหารต่าง ๆ จากแม่ จะถูกส่งต่อไปยังทารกผ่านเลือดที่อยู่ในสายรก
โดยสายรกจะเชื่อมกับผนังมดลูกของแม่และสายสะดือของทารก แม่ทำหน้าที่หายใจเพื่อทารกในครรภ์ เมื่อผู้เป็นแม่หายใจเข้า เพื่อรับเอาอากาศที่มีออกซิเจน และส่งต่อออกซิเจนที่ได้รับไปยังทารกผ่านทางรกและสายสะดือโดยอาศัยระบบไหลเวียนโลหิต ส่วนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากทารกก็จะถูกส่งไปยังผู้เป็นแม่ผ่านทางสายสะดือและรก เพื่อทำการหายใจออก และขจัดของเสียออกจากร่างกาย
การฝึกการหายใจกับสารลดแรงตึงผิว
แม้ว่าทารกในครรภ์จะยังหายใจเพื่อรับเอาอากาศเข้าไปในร่างกายเองไม่ได้ แต่เริ่มฝึกการหายใจตั้งแต่อยู่ในครรภ์ กระบวนการนี้เรียกว่า “การหายใจของทารก (Fetal Breathing Movement หรือ FBM)” โดยจะเริ่มในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 8-10 สัปดาห์ เรื่อยไปจนถึงช่วงเจ็บครรภ์คลอด หรือระยะที่มดลูกเริ่มหดรัดตัว
ทารกจะเริ่มเคลื่อนไหวในลักษณะคล้ายการหายใจ และฝึกหายใจเมื่อใกล้คลอด โดยทารกจะหายใจเอาน้ำคร่ำเข้าออก การฝึกหายใจในขณะอยู่ในครรภ์ จะช่วยให้ทารกที่คลอดออกมา หายใจเป็นและหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของผู้เป็นแม่จะสร้างสารลดแรงตึงผิวในน้ำคร่ำ และสารนี้จะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุครรภ์ สารลดแรงตึงผิวนี้จะเคลือบภายในปอดของทารก ทำให้ถุงลมในปอดเปิด และป้องกันภาวะปอดล้มเหลว
การหายใจครั้งแรกของทารก
ทารกหายใจครั้งแรกด้วยตนเองเมื่อร้องหลังจากลืมตาดูโลก ทารกมักร้องออกมาด้วยตนเอง ในขณะที่เด็กคลอดก่อนกำหนดอาจต้องอาศัยการกระตุ้นจากแพทย์หรือพยาบาลจึงจะร้องออกมาได้
เมื่อสายสะดือถูกตัด ทารกจะเริ่มใช้ปอดในการหายใจด้วยตนเอง โดยการหายใจเข้าและออก เพื่อให้ปอดขยาย และขับเอาน้ำคร่ำออกมา เลือดจะไหลเวียนภายในปอดและเส้นเลือด ส่งผลให้ออกซิเจนไหลเวียนทั่วร่างกาย และคาร์บอนไดออกไซด์ถูกขับออกมาอย่างเป็นปกติ แต่หากทารกแรกเกิดไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปจนกว่าจะสามารถหายใจเองได้
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]