ภาวะบกพร่องทางการเขียน หรือโรคดิสกราเฟีย (Dysgraphia) คือภาวะที่เด็กมีปัญหาในการเขียนสะกดคำผิดเป็นประจำและอาจพัฒนาได้ช้าหรือไม่สามารถปรับปรุงหรือพัฒนาได้ด้วยตนเองแม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาตามวัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียงลำดับตัวอักษรผิด การพิมพ์ หรือการสะกดคำผิด เด็กแต่ละคนอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้แตกต่างกันไป หากเด็กเขียนคำผิดบ้าง หรือใช้เวลาคิดคำหรือคิดประโยคใดนานก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเด็กบางคนอาจเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่และคนรอบข้างจำเป็นที่จะต้องสังเกตหากเด็กเรียนรู้ช้า ไม่สามารถพัฒนาได้เมื่อเวลาผ่านไป ควรหาวิธีช่วยพัฒนาทักษะการเขียนให้เด็ก ๆ เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเข้าสังคมได้ตามวัย
[embed-health-tool-vaccination-tool]
ทำความรู้จัก ภาวะบกพร่องทางการเขียน
ภาวะบกพร่องทางการเขียน หรือโรคดิสกราเฟียเป็นโรคทางระบบประสาทในกลุ่มโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือโรคการเรียนรู้บกพร่อง (Learning disorder) ที่สามารถส่งผลกระทบได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้มีปัญหาในการเขียน เช่น เรียงลำดับตัวอักษรผิด เขียนตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด หรือเว้นวรรคไม่ถูก สะกดคำไม่ได้ ถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ หรือบางครั้งอาจใช้คำผิดความหมาย ทำให้ผู้อื่นอ่านไม่เข้าใจ
ภาวะนี้ส่งผลต่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า ภาวะบกพร่องทางการเขียน หรือโรคดิสกราเฟียในเด็กนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุใดกันแน่ แต่เด็กที่เกิดภาวะนี้มักจะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้อื่น ๆ ด้วย เช่น ภาวะพร่องการอ่านหรือโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) โรคสมาธิสั้น
สำหรับผู้ใหญ่บางคนที่ต้องพบเจอกับประสบการณ์สะเทือนขวัญ หรือเหตุการณ์ร้ายแรงที่สร้างความบอบช้ำทางจิตใจ รวมถึงอาการบาดเจ็บทางสมอง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ก็สามารถส่งผลให้เกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะบกพร่องทางการเขียน
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดของภาวะนี้ แต่ก็พบว่า เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ มักมีคนในครอบครัวประสบปัญหานี้มาก่อน เป็นไปได้ว่ามีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรืออาจเกี่ยวข้องกับพัฒนาการของทารกในช่วงตั้งครรภ์ เช่น เด็กคลอดก่อนกำหนด
ภาวะบกพร่องทางการเขียน กับ ภาวะบกพร่องทางการอ่าน
ดิสกราเฟียคือภาวะบกพร่องทางการเขียน ส่วนดิสเล็กเซียคือภาวะบกพร่องทางการอ่าน แต่ในบางครั้ง อาการที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่สับสนได้ เพราะเด็กที่เป็นโรคดิสเล็กเซียก็อาจมีปัญหาในการอ่านและการสะกดคำ ส่วนเด็กที่เป็นโรคดิสกราเฟีย ก็มักมีปัญหาในการอ่านเช่นกัน สิ่งสำคัญคือ หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกจะมีปัญหาในการเรียนรู้ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์พัฒนาการ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโรคและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมตรงกับสาเหตุ
อาการของภาวะบกพร่องทางการเขียน
ลายมือที่ยุ่งเหยิงอ่านยาก ถือเป็นสัญญาณที่พบได้บ่อยในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีภาวะบกพร่องทางการเขียน แต่ก็ใช่ว่าคนที่ลายมือเรียบร้อย สวยงาม อ่านง่าย จะไม่มีโอกาสเป็นโรคนี้เลย เพราะนอกจากเรื่องลายมือแล้ว เด็กที่เป็นโรคดิสกราเฟียมักจะมีอาการหรือสัญญาณเหล่านี้ด้วย
- สะกดคำผิดเป็นประจำ
- เรียงลำดับตัวอักษรผิด
- เขียนหนังสือติดกันเป็นพรืด หรือเว้นวรรคไม่ค่อยถูก
- หากเป็นภาษาอังกฤษ อาจเขียนตัวพิมพ์และตัวเขียนผสมกัน
- เขียนช้า หรือต้องพยายามอย่างมาก หรือเขียนไม่จบคำ ไม่จบประโยค
- มักมีท่าเขียนหนังสือที่แตกต่างจากคนอื่น
- จับปากกาหรือดินสอแน่นมากจนมือเป็นตะคริว และปวดมือ
- เวลาจะเขียนอะไรต้องพูดคำนั้นออกมาดัง ๆ ด้วย
- มักจะเขียน ๆ ลบ ๆ
- มีปัญหากับการใช้พื้นที่ในหน้ากระดาษ เช่น เขียนกระจุกอยู่มุมใดมุมหนึ่ง
- ถ่ายทอดความคิดลงบนกระดาษไม่ได้ คือ คิดไปเขียนไปไม่ได้ จึงมักมีปัญหาในการจดโน้ต หรือการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เขียนเรื่องตามจินตนาการ เขียนเรื่องจากภาพ
- ไม่ชอบเขียน หรือวาดรูป และมักจะเหนื่อยหรือถอดใจง่าย ๆ เวลาทำกิจกรรมเหล่านี้
- ชอบมองคนอื่นเขียน หรือพิมพ์
วิธีรักษา และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางการเขียน
ผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางการเขียนอาจมีพัฒนาการการเรียนรู้ดีขึ้นได้ด้วยกิจกรรมบำบัด (Occupational therapy) เช่น
- การฝึกจับดินสอหรือปากกาวิธีใหม่ เพื่อช่วยให้เขียนง่ายขึ้น
- เล่นเกมฝึกหาตัวอักษรในกล่อง ช่วยในการฝึกจัดเรียงคำ
- ฝึกกล้ามเนื้อมือด้วยการปั้นดินน้ำมัน หรือดินปั้น
- เล่นเกมลากเส้นหาทางออกจากเขาวงกต
- เล่นเกมลากเส้นต่อจุด
ทั้งนี้ คุณหมอหรือนักบำบัดอาจให้เด็กเข้าโปรแกรมฝึกเขียน เพื่อช่วยให้ฝึกคัดตัวหนังสือแบบบรรจงมากขึ้น ช่วยให้อ่านง่ายขึ้น หรือหากเด็กมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคสมาธิสั้น คุณหมอต้องจ่ายยาให้มารับประทานร่วมด้วยเพื่อรักษาอาการ
นอกจากการรักษากับคุณหมอและนักบำบัดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาและขอความร่วมมือกับทางโรงเรียนด้วย เพื่อที่คุณครูจะได้เตรียมรูปแบบการสอน หรือการเรียนรู้ได้เหมาะสมกับเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเขียน เช่น
- ให้เด็กบันทึกการสอนด้วยวิธีอื่นแทนการจดโน้ต เช่น บันทึกวิดีโอ บันทึกเสียง
- ให้เด็กสอบพูดแทนสอบเขียน
- ให้เด็กส่งการบ้านในรูปแบบวิดีโอหรือบันทึกเสียง แทนงานเขียน
- เพิ่มเวลาในการทำข้อสอบ หรือทำการบ้าน
- ให้เด็กจดโน้ตในกระดาษมีเส้น หรือกระดาษกราฟ เพื่อฝึกให้การเขียนมีระเบียบ
- ให้เด็กได้ลองใช้ดินสอหรือปากกาหลาย ๆ แบบ จนกว่าจะเจออุปกรณ์ที่ช่วยให้เขียนได้ดีขึ้นมากที่สุด
สำหรับเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเขียน คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และคุณครู ถือว่าเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยส่งเสริมและให้กำลังใจเด็กอยู่เสมอ ควรทำความเข้าใจและให้เวลาเมื่อเด็กเรียนรู้หรือเขียนได้ช้า ไม่ควรดุหรือลงโทษด้วยวิธีที่ผิด ๆ เพราะอาจทำให้มีปัญหาในการเรียนรู้หนักกว่าเดิม หรือนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ได้ด้วย ควรใช้วิธีการพูดให้กำลังใจแทน