จัด ฟัน เด็ก เป็นวิธีการรักษาปัญหาทันตกรรม เช่น ฟันผุ ฟันหน้ายื่น ฟันเก ฟันไม่สมมาตร ฟันห่าง ฟันสบลึก ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยวอาหารที่ผิดปกติ ปัญหาความสวยงามของรอยยิ้มและใบหน้า ซึ่งการจัดฟันอาจช่วยให้เด็ก ดูแลสุขภาพช่องปากได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิต โดยเด็กจะเริ่มจัดฟันได้เมื่ออายุประมาณ 12 ปีขึ้นไป หรือเมื่อฟันน้ำนมหลุดออกจนหมดและมีฟันแท้ที่เจริญเติบโตเต็มที่
[embed-health-tool-vaccination-tool]
จัด ฟัน เด็ก ทำได้เมื่ออายุเท่าไหร่
จัดฟันเด็กสามารถทำได้เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 12 ปีขึ้นไป หรือเมื่อฟันน้ำนมหลุดออกจนหมดและมีฟันแท้ที่เจริญเติบโตเต็มที่ โดยคุณหมออาจแนะนำให้จัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย หากพบว่าการเรียงตัวของฟันผิดปกติหรือมีปัญหาสุขภาพช่องปาก เนื่องจากกรามของเด็กยังคงมีความยืดหยุ่นมากและตอบสนองต่อการรักษาได้ดี จึงช่วยให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมได้เร็วขึ้น และอาจช่วยลดระยะเวลาในการจัดฟัน
สำหรับระยะเวลาในการจัดฟันของเด็กแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันและการวินิจฉัยของคุณหมอ ซึ่งเวลาเฉลี่ยในการจัดฟันอาจใช้เวลาประมาณ 2 ปี หากเด็กเข้ามาพบคุณหมอเพื่อปรับเครื่องมือตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อย เด็กจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ซึ่งเป็นลวดโลหะหรือชิ้นส่วนพลาสติกพิเศษลักษณะคล้ายฟันยางอยู่ตลอด เพื่อป้องกันฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม
จัดฟันเด็ก ควรทำเมื่อมีปัญหาอะไร
การจัดฟันเด็กอาจเริ่มทำได้หากพบว่าเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น การสบฟันผิดปกติ ฟันหน้ายื่น ฟันเก ฟันไม่สมมาตร ฟันห่าง ฟันสบลึก ฟันล่างยื่นทับฟันบน ฟันหน้าไม่สบกัน ฟันบางซี่ไม่งอกออกมาจากเหงือกเต็มที่ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การกัดหรือการบดเคี้ยวอาหารที่ผิดปกติ ฟันผุเนื่องจากฟันซ้อนทับกันจนไม่สามารถทำความสะอาดได้
การจัด ฟัน เด็ก นอกจากจะเป็นวิธีการรักษาตำแหน่งของฟันที่ผิดปกติได้แล้ว ยังอาจช่วยเสริมความมั่นใจได้อีกด้วย เนื่องจากการจัดฟันอาจช่วยปรับกรามและรูปหน้าให้สมมาตรมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังอาจช่วยเสริมรอยยิ้มให้สวยงามอีกด้วย
การดูแลฟันในระหว่างและหลังจัดฟันเด็ก
การจัดฟันอาจทำให้อาหารติดตามซอกอุปกรณ์จัดฟันได้ง่าย จึงจำเป็นต้องรักษาความสะอาดเป็นประจำทุกวันอย่างเหมาะสม โดยอาจทำได้ดังนี้
- แปรงฟันเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง/วัน เช้าและเย็น และอาจแปรงฟันหลังรับประทานอาหารด้วยเพื่อขจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกอุปกรณ์จัดฟัน
- ใช้แปรงซอกฟันและไหมขัดฟันเพิ่มเติมทุกครั้ง เพื่อขจัดเศษอาหารที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าถึง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงและมีความเหนียวมาก เช่น ลูกอม น้ำอัดลม หมากฝรั่ง เนื่องจากน้ำตาลเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียในช่องปากที่อาจทำให้เกิดปัญหาฟันผุ
- หากใส่รีเทนเนอร์ควรถอดออกทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันอุปกรณ์แตกหัก
- ควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์เป็นประจำทุกวัน ด้วยการแช่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนใส่อีกครั้ง