backup og meta

ลูกท้องผูก อาการ สาเหตุ วิธีบรรเทาอาการ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 20/06/2022

    ลูกท้องผูก อาการ สาเหตุ วิธีบรรเทาอาการ

    ลูกท้องผูก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็น เด็กอาจถ่ายอุจจาระไม่ออก อุจจาระมีลักษณะแข็งหรือแห้ง ทำให้เวลาถ่ายอุจจาระแต่ละทีต้องใช้เวลานาน หรือต้องพยายามเบ่งจนเหนื่อย โดยส่วนใหญ่ลูกท้องผูกเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เและเป็นปัญหาสุขภาพที่คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือได้  แต่ไม่ควรปล่อยไว้นานเกินไป หากเป็นบ่อยครั้งควรรีปปรึกษาแพทย์

    อาการแบบไหนที่ถือว่า ลูกท้องผูก

    การขับถ่ายของเด็กแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แต่หากการขับถ่ายอุจจาระของลูกคุณ มีลักษณะเหล่านี้ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า “ลูกท้องผูก” เข้าแล้ว

    • ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
    • อุจจาระแข็ง แห้ง และถ่ายอุจจาระยาก
    • อุจจาระก้อนใหญ่ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการขับถ่าย
    • มีอาการเจ็บปวดขณะขับถ่าย
    • มีอาการปวดท้อง
    • อุจจาระเหลวหรือมีลักษณะคล้ายดินเหนียว
    • อุจจาระแข็งและมีเลือดปน

    ทำไมเด็กถึงท้องผูก

    อาการท้องผูกในเด็กอาจเกิดจากปัจจัยเหล่านี้

    • อั้นอุจจาระ เด็กๆ อาจไม่สนใจการขับถ่าย เนื่องจากพวกเขาอาจกลัวการเข้าห้องน้ำ หรือติดเล่นจนไม่อยากไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เด็กบางคนอาจอั้นอุจจาระ จนเป็นเหตุให้เกิดอาการท้องผูก
    • อาหาร เมื่อเด็กกินอาหารที่มีไฟเบอร์อย่างผักและผลไม้ไม่เพียงพอ รวมถึงดื่มน้ำน้อย ก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกในเด็กได้
    • การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น การไปท่องเที่ยว อาจส่งผลกระทบต่อเวลาในการขับถ่ายของลูก จนทำให้ลูกท้องผูกได้
    • ยาบางชนิด ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
    • การแพ้นมวัว การแพ้นมวัวหรือการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัวมากเกินไปอาจเป็นเหตุให้เกิดอาการท้องผูก
    • ปัญหาสุขภาพ อาการท้องผูกสามารถบ่งบอกได้ว่า เด็กๆอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร หรือมีโรคอื่น ๆ แต่อาการท้องผูกเนื่องจากการเป็นโรคเป็นสาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย

    วิธีบรรเทาอาการ ลูกท้องผูก ที่พ่อแม่ช่วยได้

    1. รับประทานอาหารไฟเบอร์สูง

    คุณพ่อคุณแม่ควรเพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหารให้ลูก ๆ เพื่อให้ได้รับไฟเบอร์อย่างน้อย 3-5 กรัม นอกจากนี้ ยังสามารถให้ลูกกินอาหารเช้าซีเรียลไฟเบอร์สูง ขนมปังธัญพืช และถั่วชนิดต่าง ๆ เนื่องจากอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์เหล่านี้ จะช่วยให้อุจจาระของเด็ก ๆ นุ่มและพองขึ้น จึงช่วยให้ขับถ่ายได้ง่าย โดยเด็กๆ ควรได้รับไฟเบอร์ 14 กรัม จากการกินอาหาร 1,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

    ส่วนปริมาณไฟเบอร์ที่ควรได้รับต่อวันในแต่ละวัยนั้น คือ

    • วัยเด็กควรได้รับไฟเบอร์ 20 กรัมต่อวัน
    • วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่เพศหญิง ควรได้รับไฟเบอร์ 29 กรัมต่อวัน
    • ส่วนวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เพศชาย ควรได้รับไฟเบอร์ 38 กรัมต่อวัน

    นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูก ๆ กินอาหารไฟเบอร์สูง เช่น ถั่ว ธัญพืช ผักและผลไม้ แต่ควรค่อย ๆ เริ่มต้นและอาจค่อย ๆ เพิ่มปริมาณไฟเบอร์ในมื้ออาหาร เพราะเด็ก ๆ บางคนอาจไม่คุ้นเคยกับการกินอาหารไฟเบอร์สูง

    2. ดื่มน้ำให้มาก

    หากเด็ก ๆ กินอาหารที่ไฟเบอร์สูง แต่ยังขับถ่ายได้ไม่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำมาก ๆ รวมถึงจำกัดปริมาณน้ำหวานด้วย เด็กเล็กไม่ควรดื่มน้ำหวานเกิน 4 ออนซ์ (118.3 มิลลิลิตร) ต่อวัน ส่วนเด็กวัยเรียนไม่ควรดื่มน้ำหวานเกิน 6-8 ออนซ์ (177-236 มิลลิลิตร) ต่อวัน เมื่อเด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้อุจจาระของเด็กๆ นุ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการขับถ่าย

    ข้อควรระวัง คือ การดื่มนมอาจทำให้เด็ก ๆ บางคงอาจมีอาการท้องผูก ดังนั้นจึงไม่ควรให้เด็กดื่มนมในปริมาณที่มากจนเกินไป

    3. ขับถ่ายให้เป็นเวลา

    คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กเข้าห้องน้ำเป็นอย่างแรกในตอนเช้า และควรเข้าห้องน้ำหลังจากกินอาหาร 5-10 นาทีในแต่ละมื้ออาหาร โดยควรให้ลูกขับถ่ายเป็นเวลาจนเป็นนิสัย

    4. ให้ลูกออกกำลังกาย

    คุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกทำกิจกรรม เคลื่อนไหวร่างกายบ้าง จะพาลูกออกไปเดิน วิ่ง ชวนลูกเล่นกีฬา หรือให้เขาเล่นนอกบ้านบ้างก็ได้ การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำจะช่วยทำให้อาการท้องผูกดีขึ้นได้

    5. ตรวจสอบยาของลูก

    ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก จึงควรปรึกษาแพทย์หากลูกท้องผูกเนื่องจากกินยารักษาโรค

    6. ใช้ตัวช่วย

    หากเด็กได้รับไฟเบอร์จากอาหารแต่ละมื้อไม่เพียงพอ คุณหมออาจให้กินอาหารเสริมไฟเบอร์ แต่อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ จำเป็นต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 1 ลิตรต่อวันเพื่อให้อาหารเสริมไฟเบอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ คุณหมออาจให้เด็กกินยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (Stool Softener) เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก โดยคุณหมอจะจ่ายยาที่เหมาะกับอายุและน้ำหนักของเด็ก

    เมื่อไหร่ควรไปหาคุณหมอ

    ปกติหาก ลูกท้องผูก มักไม่เป็นอันตราย แต่อย่างไรก็ตาม หากเด็ก ๆ มีอาการท้องผูกรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ ดังนั้นหากลูกท้องผูกนานกว่า 2 สัปดาห์ และมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยควรไปพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

    • เป็นไข้
    • อาเจียน
    • มีเลือดในอุจจาระ
    • ท้องบวม
    • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • แผลรอยแยกขอบทวารหนัก (anal fissures)
    • ภาวะลำไส้ตรงยื่นออกมาทางช่องทวารหนัก (rectal prolapse)

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 20/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา