เป้อุ้มเด็ก เป็นตัวช่วยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการอุปกรณ์ในการช่วยอุ้มเด็ก ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยลดอาการร้องไห้งอแงของเด็ก ช่วยให้เด็กนอนหลับง่ายขึ้น รวมถึงอาจช่วยสร้างความรักความผูกพันและอาจช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่ได้ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อควรระวังในการใช้เป้อุ้มเด็กก่อนเลือกซื้อเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
[embed-health-tool-due-date]
ประเภทของเป้อุ้มเด็ก
เป้อุ้มเด็กเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้อุ้มทารกไว้บนหน้าอกหรือหลัง ซึ่งอาจมีหลายลักษณะ ดังนี้
- เป้อุ้มเด็ก (Baby Carrier) มีลักษณะเป็นเป้อุ้มสำหรับสะพายไว้ด้านหน้า หรือบางชิ้นอาจสามารถปรับได้เพื่อใช้สะพายไว้ด้านหลังหรือสะโพก
- เป้หรือผ้าพาดไหล่อุ้มเด็ก (Baby Sling) มีลักษณะเป็นแถบผ้าหรือเป้ที่มีลักษณะพาดไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับอุ้มเด็กทารก
- กระเป๋าเป้อุ้มเด็ก (Baby Backpack) มีลักษณะเป็นโครงแข็ง มักใช้ใส่เป็นเป้สะพายหลัง เหมาะสำหรับเด็กโตและเด็กวัยหัดเดินที่สามารถยกศีรษะได้เอง
เป้อุ้มเด็ก มีประโยชน์อย่างไร
เป้อุ้มเด็กอาจมีประโยชน์ทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ดังนี้
- ช่วยให้เด็กนอนหลับได้ดีขึ้น เด็กบางคนเมื่ออยู่ห่างจากคุณพ่อคุณแม่อาจมีอาการร้องไห้งอแงบ่อย ดังนั้น การใช้เป้อุ้มเด็กจึงอาจช่วยให้เด็กอยู่ใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา ช่วยให้เด็กสบายใจ รู้สึกปลอดภัย และได้รับความรักความอบอุ่น จึงอาจช่วยให้เด็กนอนหลับได้ดีขึ้น
- ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กร้องไห้งอแง หากเด็กอยู่เพียงลำพังหรือร้องไห้งอแงบ่อยครั้ง อาจทำให้เด็กเกิดความเครียดมากขึ้นและส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งการใช้เป้อุ้มเด็กอาจช่วยให้เด็กร้องไห้งอแงน้อยลง เนื่องจากเด็กจะรู้สึกสบายและปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่
- ช่วยสร้างความสัมพันธ์ ขณะอยู่ในครรภ์เด็กทารกจะใกล้ชิดกับเสียงหัวใจ การหายใจ และการเคลื่อนตัวของคุณแม่ตลอดเวลา เมื่อเด็กคลอดออกมาเป้อุ้มเด็กอาจเป็นตัวช่วยในการสร้างความเคยชินให้กับเด็กแรกเกิด รวมถึงยังอาจช่วยสร้างความผูกพันให้เพิ่มมากขึ้นในระหว่างการอุ้มแนบอกได้อีกด้วย
- ช่วยให้สามารถให้นมเด็กง่ายขึ้น เป้อุ้มเด็กอาจช่วยให้คุณแม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องอยู่นอกบ้าน เนื่องจากเด็กจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การให้นมตลอดเมื่อยังอยู่ในเป้อุ้มเด็ก
- อาจดีต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้และสังคม เนื่องจากการใช้เป้อุ้มเด็กจะช่วยให้เด็กสามารถไปไหนมาไหนกับคุณพ่อคุณแม่ได้ทุกที่ สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้มากขึ้น และได้ฟังการสื่อสารหรือเสียงต่าง ๆ ที่อาจช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังอาจช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมระหว่างคนรอบตัวกับเด็กได้ในเวลาเดียวกัน
- อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คล่องตัวมากขึ้น การใช้เป้อุ้มเด็กอาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทำงาน ทำกิจกรรมภายในบ้านหรือนอกบ้านได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะร้องไห้งอแงหรือไม่ และอาจช่วยให้สามารถสังเกตความต้องการของลูกได้ทันที ง่ายต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น
- อาจช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด การอุ้มเด็กให้อยู่ใกล้ตัวตลอดอาจช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ เพราะช่วยให้คุณแม่ได้เห็นหน้าลูกตลอดเวลา อาจช่วยให้รู้สึกได้ถึงความรักและความอบอุ่นของลูก ดังนั้น การเลือกใช้เป้อุ้มเด็กจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่หลังคลอด
ข้อควรระวังในการใช้เป้อุ้มเด็ก
การเลือกใช้เป้อุ้มเด็กที่ไม่เหมาะสมกับอายุและขนาดตัวของเด็ก อาจมีความเสี่ยงที่เป้จะหลวมเกินไปจนไม่สามารถพยุงตัวเด็กไว้ได้ หรือเป้อาจรัดแน่นมากเกินไปจนกดหน้าอกหรือจมูก และทำให้เด็กหายใจไม่ออก จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น ในขณะที่ใช้เป้อุ้มเด็กจึงควรสังเกตอยู่เสมอ หากเด็กมีอาการต่อไปนี้ควรรีบนำเด็กออกจากเป้และเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจสอบอาการ
- ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเด็ก เนื่องจากเด็กอาจถูกเป้หรือหน้าอกของคุณพ่อคุณแม่กดอยู่ จนอาจเสี่ยงทำให้หายใจไม่ออกได้
- เด็กมีลักษณะงอตัวมาก คล้ายทารกที่ยังอยู่ในครรภ์
- เด็กร้องไห้งอแง หายใจมีเสียงหวีด หายใจติดขัด หายใจเร็ว หรือหายใจทางปาก
- เด็กมีอาการดิ้นและกระสับกระส่าย
- ผิวของเด็กมีสีซีด สีเทา หรือสีน้ำเงิน
การป้องกันอันตรายเมื่อใช้เป้อุ้มเด็ก
ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ตรวจสอบว่าเป้อุ้มเด็กแน่นพอดีและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการรองรับศีรษะเด็ก เพื่อป้องกันเป้หลวมเกินไปจนไม่สามารถพยุงศีรษะเด็กไว้ได้ หรือแน่นเกินไปจนขัดขวางการหายใจของเด็ก
- คุณพ่อคุณแม่ที่ใช้เป้อุ้มเด็กควรต้องมองเห็นหน้าเด็กอยู่เสมอ โดยที่ใบหน้าและจมูกของเด็กจะต้องไม่มีอะไรมาปิดกั้นไว้ เพื่อป้องกันการหายใจไม่ออก
- ตำแหน่งศีรษะของทารกควรอยู่ใกล้คางของคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ โดยให้ศีรษะหันไปด้านข้าง
- ตรวจสอบว่าคางของเด็กไม่กดลงไปบริเวณหน้าอกมากเกินไป เพราะอาจขัดขวางการหายใจได้ และควรสังเกตอาการของเด็กเสมอ เพราะบางครั้งเด็กอาจหายใจไม่ออกแต่ไม่แสดงอาการ เนื่องจากขยับตัวไม่ได้
- พยุงหลังของเด็กให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ โดยให้หน้าท้องของเด็กชิดกับหน้าอกของคุณพ่อคุณแม่เสมอ และในขณะที่โน้มตัวลงให้ใช้มือพยุงหลังของเด็กไว้ จากนั้นค่อย ๆ งอเข่าและนั่งลงช้า ๆ เพื่อไม่ให้หลังของเด็กเคลื่อนย้ายผิดตำแหน่ง