ถ้าพบว่าทารกมีอาการตาเหล่หรือตาเข ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะอาการนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากรอบพับบนผิวหนังที่มุมหัวตา ทำให้ทารกดูเหมือนตาเหล่ เมื่อรอยพับนั้นหดกลับไปเมื่อเติบโตขึ้น ดวงตาก็จะกลับมาดูเป็นปกติ แต่เพื่อความมั่นใจ คุณแม่ควรบอกเล่าความกังวลให้คุณหมอฟังในการไปพบคุณหมอในครั้งต่อไป
ในช่วงเดือนแรกๆคุณแม่อาจจะสังเกตว่า ตาของทารกยังทำงานไม่สัมพันธ์กัน การเคลื่อนไหวดวงตาแบบนี้ เป็นการบ่งบอกว่าทารกกำลังเรียนรู้ที่จะใช้สายตา และทำให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะทำให้ดวงตาทำงานได้ดีขึ้นภายใน 3 เดือน
แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหรือดูเหมือนว่าการทำงานของตาทารกจะไม่ประสานกันจริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ และถ้าทารกมีแนวโน้มที่จะตาเหล่ ควรปรึกษากุมารแพทย์ด้านสายตาต่อไป ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันและรักษาดวงตาให้ปลอดภัย และตรวจวินิจฉัยเรื่องของ ความผิดปกติเกี่ยวกับโรคทางตาอย่างทันท่วงที
สิ่งที่ต้องเป็นกังวล
ต้องกังวลในเรื่องใด
หนึ่งในกิจวัตรที่คุณแม่คุณพ่อควรให้ความใส่ใจก็คือ การดูดจุกนมปลอมสำหรับเด็ก ควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจว่าจะให้ลูกน้อยดูดจุกนมปลอมหรือไม่ และถ้าตัดสินใจให้ดูด ก็ควรจะเริ่มและจบสิ้นเมื่อไรดี
โดยปกติ คุณแม่จะใช้จุกนมปลอมกับลูกน้อยเป็นช่วงสั้น ๆ ในช่วงเวลาป้อนนมลูก การใช้จุกนมปลอมเร็วไม่ได้ก่อให้เกิดความสับสนระหว่างหัวนมแม่กับจุกนมปลอม หรือมีผลกระทบกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในช่วง 3 เดือนแรก หากการใช้จุกนมปลอมนั้นอยู่ในความควบคุมของพ่อแม่ จะช่วยได้เวลาป้อนอาหาร กล่อมนอน และต้องเข็นรถเด็กเป็นชั่วโมง ๆ
อย่างไรก็ตาม จุกนมปลอมอาจส่งผลเสียได้ ถ้าลูกน้อยมีจุกนมปลอมอยู่ที่ปากตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้รบกวนการเรียนรู้ที่จะนอนด้วยตัวเอง และยังอาจเป็นการรบกวนการนอนหลับด้วย ถ้าจุกนมปลอมหลุดออกจากปากในช่วงกลางดึก แล้วเขาไม่สามารถนอนต่อได้ซึ่งนั่นจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องลุกขึ้นมาจับใส่กลับเข้าไปในปากของลูกน้อย
การใช้จุกนมปลอมถ้าใช้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เพื่อช่วยสนองอาการอยากดูดของลูกน้อย ก็ถือว่าไม่เป็นอันตรายอะไร แต่ถ้าใช้นานเกินไป ก็อาจจะทำให้ลูกน้อยติดเป็นนิสัย จนยากที่จะเยียวยาได้ คุณแม่หรือผู้ที่ดูแลเด็ก จึงต้องใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อพัฒนาการที่ดีของเจ้าตัวเล็กต่อไป
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย