พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 31 โดยทั่วไป ฟันซี่แรกของเด็กจะขึ้นแล้ว และเด็กจะเริ่มคลาน และเอื้อมคว้าสิ่งต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาพัฒนาเด็ก สัปดาห์ที่ 31 หากพบปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาด้านพัฒนาการใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอทันที
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง
พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 31 โดยทั่วไป ฟันซี่แรกของเด็กจะขึ้นแล้ว และเด็กจะเริ่มคลาน และเอื้อมคว้าสิ่งต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาพัฒนาเด็ก สัปดาห์ที่ 31 หากพบปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาด้านพัฒนาการใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอทันที
ลูกน้อยอาจเริ่มมีฟันขึ้นเมื่อมีอายุได้ 3 เดือน หรืออย่างช้าก็ 12 เดือน โดยส่วนใหญ่ฟันซี่แรกของลูกน้อยจะขึ้น 2 ซี่ด้านล่างก่อน แต่หากฟันของลูกน้อยมีช่องว่างระหว่างฟันแต่ละซี่มากเกินไป ช่องดังกล่างอาจหายไปเองเมื่อลูกน้อยอายุได้ 3 ขวบ
เมื่อลูกน้อยฟันเริ่มขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นลูกน้อยมีน้ำลายไหลมากขึ้น รวมถึงอาจส่งเสียงแปลก ๆ ออกมาด้วย ซึ่งในสัปดาห์ที่ 31 ลูกน้อยอาจมีพัฒนาการ ดังนี้
ในช่วงวัยทารก ลูก ๆ ไม่ค่อยเต็มใจที่จะแยกจากคุณพ่อคุณแม่เท่าไร ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอิ่มเอิบใจ แต่ในบางครั้งก็อาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้เหมือนกัน ถ้าคุณพ่อคุณแม่ออกจากบ้านแล้วต้องปล่อยลูกน้อยไว้ที่บ้าน ก่อนออกจากบ้านควรเข้าไปโอบกอดลูกน้อยเยอะ ๆ แล้วบอกเขาว่าจะไปที่ไหน รวมถึงควรบอกลูกว่าจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ถึงแม้ลูกน้อยจะไม่เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่จะกลับมาใน 1 ชั่วโมง ความรักที่คุณพ่อคุณแม่แสดงออกไปจะทำให้ลูกน้อยอบอุ่น อุ่นใจ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรทำแบบนี้ทุก ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกนาน ๆ เพื่อที่ลูกน้อยจะได้เข้าใจและไม่รู้สึกกลัว
คุณหมอส่วนใหญ่จะไม่มีการนัดหมายในช่วงเดือนนี้ ถ้าคิดในแง่ที่ดี คือ เด็กยังไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ในทางกลับกัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ทราบว่าลูก ๆ มีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว ดังนั้น ควรจดบันทึกข้อสงสัยเกี่ยวกับพัฒนาการของลูก เพื่อนำไปปรึกษากับคุณหมอในครั้งถัดไป และอย่าลังเลที่จะโทรปรึกษาคุณหมอทันที เมื่อมีปัญหา หรือถ้ามีข้อกังวลใด ๆ เป็นพิเศษ ไม่ควรรอจนถึงการนัดครั้งถัดไป
การงอกของฟัน
เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายจากฟันที่กำลังงอกขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกน้อยเคี้ยวอะไรบางอย่าง เช่น แหวนยาง ผ้าขนหนูเย็น ๆ อาหารเย็น ๆ เพราะความเย็นจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกดีขึ้นได้ เนื่องจากความเย็นจะทำให้เกิดอาการชา จึงช่วยลดความเจ็บปวดได้ชั่วคราว นอกจากนี้ ยังอาจให้ลูกน้อยแทะคุกกี้ที่ไม่มีน้ำตาล เอานิ้วมือถูบริเวณเหงือกที่เจ็บปวด หรือใช้เจลบรรเทาอาการปวดสำหรับเด็กก็ได้
การสำลัก
การสำลัก หมายถึง การที่ลูกน้อยกำลังพยายามจะใช้อากาศดันเอาสิ่งกีดขวางในทางเดินหายใจออกไป ซึ่งอาจทำให้ลูกน้อยหายใจลำบาก เปล่งเสียงผิดปกติ มีการขย้อน ไอ หายใจโดยมีเสียงดังฟืดฟาด ผิวหนังอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีเขียวคล้ำ และอาจหมดสติเนื่องจากขาดออกซิเจน
ถ้าเด็กสามารถไอ ร้องไห้ พูด หรือหายใจได้ปกติ แสดงว่าไม่มีอะไรไปอุดกั้นทางเดินหายใจแล้ว บางครั้งลูกน้อยอาจดันสิ่งอุดตันออกได้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรอยู่ในอาการสงบและมีสติ แต่ถ้าลูกน้อยอ้าปากค้าง ผิวเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ตาและปากเปิดกว้าง หรือหมดสติ ควรโทรหาหน่วยฉุกเฉินทันที และควรรีบจัดการกับลูกน้อยโดยเร็วที่สุด หานเกิดกรณีต่อไปนี้
ส่วนการป้องกันอาการสำลักนั้น ควรให้ลูกน้อยรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับวัย คอยจับตาดูในขณะรับประทานอาหาร อย่าให้ลูกน้อยรับประทานอาหารอย่างรีบ ๆ หรือให้ลูกน้อยกินอาหารในรถ ที่สำคัญควรให้ลูกน้อยนั่งตัวตรงในขณะป้อนอาหารเสมอ อย่าปล่อยให้เล่นสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุอะไรก็ตามที่มีขนาดเล็ก รวมถึงข้าวของที่มีส่วนผสมของแป้ง การเลือกของเล่นที่เหมาะกับลูกน้อยอาจช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ รวมถึงยังช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย การสำลักเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยเสียชีวิตได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเข้าคลาสเรียนการปฐมพยาบาลสำหรับเด็กทารก เพื่อที่จะได้ช่วยชีวิตลูกน้อยได้ทันการณ์ ถ้ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
ลูกน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ 13 มักจะกลืนวัตถุขนาดเล็ก เช่น เหรียญ และมักจะเคลื่อนไปที่กระเพาะโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าลูกน้อยมีน้ำลายไหลยืดจำนวนมาก และไม่สามารถกลืน ไม่มีความอยากอาหาร หรือถ้ารู้สึกเจ็บปวดในบริเวณที่มีอะไรติดอยู่ ควรโทรหาคุณหมอหรือหน่วยฉุกเฉินทันที
ถ้าอยากรู้ว่าลูกน้อยมีพรสวรรค์หรือเปล่า ควรสังเกตดูสัญญานต่าง ๆ ต่อไปนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
เนตรนภา ปะวะคัง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย