backup og meta

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 22 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 22 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 22 หรือประมาณ 5 เดือน ช่วงนี้เด็กอาจสามารถกลิ้งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้เอง เริ่มพูดเป็นคำ ๆ และอาจสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังอาจมีความรู้สึกหวาดกลัวคนแปลกหน้า คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาต่าง ๆ เช่น อาการท้องผูก ปัญหาการนอนหลับ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกได้

[embed-health-tool-vaccination-tool]

การเจริญเติบโตและพฤติกรรม

ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร

เด็กอาจเริ่มแสดงอารมณ์เป็นครั้งแรก อย่างเช่น อาการกลัวคนแปลกหน้า เด็กจะเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ  และรู้สึกหวาดวิตกเมื่อมีคนเแปลกหน้าอยู่รอบตัว เด็กอาจจะร้องไห้เมื่อโดนคนแปลกหน้าสัมผัสตัว การที่เด็กกลัวคนแปลกหน้านี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่ควรให้ลูกน้อยเจอคนแปลกหน้าเลย และลูกควรเจอกับคนอื่น นอกเหนือจากพ่อแม่ หรือคนในครอบครัวด้วย โปรดจำไว้ว่า ต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ เพื่อที่จะฝ่าฟันให้ผ่านพ้นพัฒนาการของลูกน้อยในขั้นนี้ไปให้ได้

เมื่อมีอายุได้ 22 สัปดาห์ ลูกน้อยก็อาจจะ…

  • กลิ้งไปในทิศทางเดียวได้
  • สามารถยืนด้วยสองเท้า
  • พูดเป็นคำ ๆ ได้
  • ทำอะไรตลก ๆ (เช่น ปล่อยเสียงออกมาพร้อมกับน้ำลาย)
  • สามารถไปมองตามต้นเสียงได้

ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร

สื่อสารกับเด็ก ๆ ในช่วงที่รับประทานอาหารกับครอบครัว ลูกอาจจะเพลิดเพลินกับการมองดูกำลังรับประทานอาหาร และอาจทำให้เด็กกินได้มากขึ้น นอกจากนี้ในเดือนถัดไป เด็กจะสามารถนั่งและกินอาหารได้ด้วยมือ พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสามารถของลูกน้อย ในการรับประทานอาหารได้

ในช่วงอายุนี้ เด็กจะสามารถลุกนั่งจากการนอนหงาย ด้วยการยันตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง สามารถนั่งข้าง ๆ เพื่อช่วยพยุงลูกน้อย เนื่องจากเด็กอาจพลัดตกจากที่นั่งได้ เด็กอาจเข้าใจทักษะในการนั่งแล้ว แต่เมื่อมีจุดสนใจอื่นอาจทำให้เด็กเผลอลืมตัวได้

เริ่มให้ลูกน้อยใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยการประคองลูกน้อยไว้ จากนั้นบอกเพื่อนหรือคนในครอบครัวให้ค่อย ๆ ประคองเด็กต่ออย่างช้า ๆ

สุขภาพและความปลอดภัย

ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร

หมอส่วนใหญ่จะไม่มีการนัดหมายในช่วงเดือนนี้ ถ้าคิดในแง่ที่ดีคือเด็กยังไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ในทางกลับกัน อาจจะไม่ทราบว่ามีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว แม่ควรจดบันทึกข้อสงสัยปรึกษากับหมอในครั้งถัดไป และอย่าลังเลที่จะปรึกษาหมอทันที เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น หรือถ้ามีข้อกังวลใด ๆ เป็นพิเศษ ไม่ควรรอจนถึงการนัดครั้งถัดไป

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 22 

อาการท้องผูก

ลูกน้อยจะอุจจาระบ่อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและอาหารที่เข้ากินเข้าไป การทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งความสามารถในการย่อยอาหารของลูกน้อย อาการท้องผูกจะเกิดขึ้นเมื่อมีอุจจาระภายในลำไส้เคลื่อนไหวได้ช้าลง อาจสังเกตเห็นอาการท้องผูกจากลูกน้อยได้ดังนี้

  • อุจจาระยาก แห้ง และมีเลือดปน
  • อุจจาระครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
  • ลูกแสดงอาการไม่สบายท้องในการขับถ่าย

อาการท้องผูกมักไม่พบในเด็กที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว ควรปรึกษาหมอถ้าลูกน้อยมีอุจจาระแข็ง แห้ง หรือเจ็บปวดเวลาขับถ่าย เมื่อมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างเช่น คลื่นไส้หรือท้องอืด ก็อาจมีปัญหารุนแรงเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น ลำไส้อุดตัน

หากเด็กดื่มนมผงเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เนื่องจากเด็กนมผงบางยี่ห้อ ก็อาจไม่เหมาะกับระบบภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก จึงควรสอบถามหมอเกี่ยวกับการเปลี่ยนยี่ห้อนมผง

อาการท้องผูกอาจเกิดจากการขาดน้ำด้วย ฉะนั้น จึงควรให้ลูกน้อยดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ ถ้าลูกน้อยเริ่มหย่านม ก็ลองป้อนลูกพลัมหรือให้ดื่มน้ำลูกแพร นอกจากนี้ก็อาจเติมน้ำผลไม้เจือจาง 30 มล. เข้ากับน้ำ 30 มล. แล้วผสมเข้ากับนมผงหรือนมแม่หลังป้อนนมเสร็จแล้ว

นอกเหนือจากการเปลี่ยนอาหารให้ลูกน้อยแล้ว เคล็ดลับพวกนี้ก็อาจส่งผลดีต่อลำไส้ได้ :

  • จับขาของลูกน้อย เหมือนกำลังถีบจักรยานกลางอากาศ ในขณะนอนหงาย
  • นวดเบา ๆ บริเวณท้องช่วงใต้สะดือ ถ้ารู้สึกว่าบริเวณนั้นมีความแข็ง ให้กดค้างไว้แป๊บนึง
  • ถ้าสังเกตเห็นว่าลูกน้องมีอาการปวดอุจจาระ ให้นำเด็กไปแช่น้ำอุ่นสักซักพักนึง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

อาจใช้ยาเหน็บหรือทำการกระตุ้นบริเวณทวารหนักของเด็ก โดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิทางทวารหนักร่วมกับน้ำมันหล่อลื่น แต่ควรได้รับการอนุญาตจากหมอก่อน ถ้าอาการท้องผูกไม่ดีขึ้น หมออาจแนะนำให้ใช้ยาระบายบางประเภทสำหรับลูกน้อย

สิ่งที่ต้องเป็นกังวล

อาหารของลูกน้อย

อาหารของลูกน้อยควรประกอบไปด้วย

  • โปรตีน
  • อาหารที่มีแคลเซียม
  • แป้งบริสุทธิ์
  • พืชผักสีเขียวและผลไม้ รวมทั้งผลไม้สีเหลือง
  • อาหารที่มีวิตามินซีสูง
  • ผักและผลไม้หลากหลายชนิด
  • อาหารที่มีไขมันสูง
  • อาหารที่มีธาตุเหล็ก
  • อาหารที่มีเกลือ
  • น้ำเปล่า
  • อาหารเสริมและวิตามินต่างๆ

การงีบของลูกน้อย

ถึงแม้ว่าลูกน้อยจะมีอายุได้ 5 เดือนแล้ว แต่เด็กก็จะงีบหลับ 3-4 ครั้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงทุกวัน เด็กบางคนอาจกลับไปนอนต่อได้ในเวลาประมาณ 20 นาที ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ อาจนอนแค่วันละ 2 ครั้ง แต่หลับได้ยาวนานกว่าคือครั้ง 1.5 ถึง 2 ชั่วโมง แต่จำนวนครั้งและระยะเวลานั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ (โดยเฉลี่ยแล้วเด็กอายุ 5 เดือนจะนอนวันละ 14 ชั่วโมง 30 นาที) การที่เด็กนอนหลับได้ยาวนานขึ้น ก็หมายถึงว่าจะมีเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น นอกจากนี้เด็กงีบหลับในช่วงระหว่างวัน มักจะงีบหลับในช่วงกลางคืนด้วย สามารถช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้นานขึ้นด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • จัดเตรียมสถานที่ให้ลูกน้อยนอนได้สบาย ๆ ถ้าลูกน้อยนอนซบอยู่บนไหล่ นอกจากจะลำบากแล้ว ยังทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้ไม่ลึก และไม่นานเท่าที่ควรด้วย
  • ปรับอุณหภูมิของห้องให้อยู่ในระดับที่สบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และต้องแน่ใจว่าเด็กใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมด้วย
  • นอนหลับให้ตรงเวลา ไม่ควรให้ลูกน้อยหลับก่อนกินอาหารเพราะท้องยังว่างอยู่ หรือในเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม (เด็กจะนอนหลับได้ไม่นานถ้าผ้าอ้อมเปียก)

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Your Pregnancy Week by Week: Weeks 21-25. https://www.webmd.com/baby/guide/your-pregnancy-week-by-week-weeks-21-25#1.

Baby Development: Your 5-Month-Old. https://www.webmd.com/parenting/baby/baby-development-5-months. Accessed June 10, 2022.

5-6 months: baby development. https://raisingchildren.net.au/babies/development/development-tracker-3-12-months/5-6-months. Accessed June 10, 2022.

4-5 months: baby development. https://raisingchildren.net.au/babies/development/development-tracker-3-12-months/4-5-months. Accessed June 10, 2022.

Your baby’s growth and development – 5 months old. https://www.pregnancybirthbaby.org.au/babys-growth-and-development-5-months-old. Accessed June 10, 2022.

Important Milestones: Your Baby By Six Months. https://www.cdc.gov/ncbddd/actearly/milestones/milestones-6mo.html. Accessed June 10, 2022.

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/06/2022

เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

เด็ก1ขวบ มีพัฒนาการสำคัญอะไรบ้างที่ควรรู้

เพิ่มพลังสมองลูก วัยทารก ทำได้อย่างไรบ้าง


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 11/06/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา