backup og meta

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 45 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 45 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 45 โดยทั่วไป ลูกจะสามารถพูดเป็นคำ ๆ ได้แล้ว และมักจะเลียนเสียงพูดของผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่จึงควรออกเสียงคำพูดแต่ละคำให้ชัดเจน เพื่อให้เด็กสามารถพูดตามได้อย่างถูกต้อง

[embed-health-tool-vaccination-tool]

การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 45 

ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร

ตอนนี้ลูกน้อยสามารถพูดออกมาได้เป็นคำๆ และรู้จักความหมายของคำที่พูดออกมาแล้ว สมองจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความสามารถในการใช้เหตุผลและการพูด

พัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกน้อยสัปดาห์ที่ 45

  • ลุกขึ้นนั่งจากท่าคลานได้
  • หยิบสิ่งของชิ้นเล็กๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วมืออื่นๆ ดังนั้นควรเก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายให้พ้นมือเด็ก
  • เข้าใจคำว่า “ไม่” แต่ก็ไม่ได้เชื่อฟังเสมอไป

ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร

ลูกน้อยในช่วงวัยนี้จะเลียนเสียงคำต่างๆ และการทำเสียงสูงเสียงต่ำ เขาอาจทำตามคำสั่งง่ายๆ อย่างเช่น “หยิบลูกบอลให้แม่หน่อย” หรือ”หยิบช้อนขึ้นมาลูก” พ่อแม่สามารถช่วยให้เขาเรียนรู้ได้ดีขึ้น ด้วยการแยกคำสั่งที่ซับซ้อนให้เหลือเพียงคำสั่งง่ายๆ แค่ขั้นตอนเดียว พร้อมกับใช้ท่าทางประกอบคำสั่งนั้นด้วย

สุขภาพและความปลอดภัย

ควรปรึกษาแพทย์อย่างไร

แพทย์ส่วนใหญ่มักไม่ได้นัดหมายการตรวจสุขภาพของลูกน้อยเดือนนี้ เพราะเด็กในช่วงวัยนี้ไม่ชอบให้อุ้ม ในระหว่างที่ไปพบคุณหมอ เด็กบางคนที่มีอาการกลัวคนแปลกหน้า อาจไม่อยากพบหมอ ไม่ว่าคุณหมอจะใจดีหรือเป็นมิตรเพียงใดก็ตาม จึงควรใช้วิธีโทรปรึกษาคุณหมอ ถ้าคุณมีความกังวลใดๆ ที่รอให้ถึงวันนัดครั้งต่อไปไม่ได้

สิ่งที่ควรรู้

ลูกสามารถเดินได้แล้ว คุณอาจจะสังเกตว่าขาของเขาไม่ตรง หัวเข่าอาจดูเหมือนบิดเข้าหากัน ซึ่งอาการแบบนี้เรียกว่า ‘ขาโก่ง’ คุณไม่ควรต้องเป็นกังวลมากเกินไป ลูกของคุณจะเริ่มไม่อยู่นิ่ง และเคยชินกับการเดินและวิ่ง ซึ่งจะทำให้ขาแข็งแรงขึ้น และนี่คือข้อมูลที่อาจจะช่วยคุณได้

ขาโก่ง

ใครๆ ก็อาจจะเคยมีอาการ ขาโก่ง มาก่อน แม้แต่นางแบบบนแคทวอล์คก็อาจเคยมีอาการขาโก่งเช่นกัน ตอนที่พวกเธอหัดเดินเป็นครั้งแรก เด็กส่วนใหญ่มักจะมีขาโก่งในช่วง 1-2 ขวบ จากนั้นเขาก็ใช้เวลาในการเดินมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้หัวเข่าบิดเข้าหากัน แต่ข้อเท้ากลับหันออกจากกัน แต่พอถึงช่วงที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น หัวเข่าและข้อเท้าก็จะเรียงเป็นเส้นตรง ทำให้ขามีรูปร่างตามปกติ โดยไม่ต้องใช้รองเท้าชนิดพิเศษหรือเครื่องดามขา

คุณอาจสังเกตเห็นอาการผิดปกติในขาเด็กได้เป็นครั้งคราว บางทีก็มีขาโก่งข้างเดียว หรือเข่าข้างหนึ่งบิดเข้ามาข้างใน หรือบางทีหัวเข่าของลูกน้อยก็บิดเข้าหากัน หรืออาการขาโก่งก็มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลูกน้อยเริ่มหัดเดิน ถ้าสมาชิกในครอบครัวมีประวัติขาโก่ง ก็อาจต้องมีการตรวจร่างกายลูกน้อยให้ละเอียดขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมกระดูกในเด็ก การรักษาก็ขึ้นอยู่สภาพของเด็กแต่ละคน คุณอาจจำเป็นต้องสังเกตอาการของโรคกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการขาโก่งถาวร ซึ่งป้องกันได้ด้วยการให้กินนม หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอื่นๆ ที่มีวิตามินดี

หกล้ม

เด็กในช่วงวัยนี้จะทำให้รู้สึกใจหายใจคว่ำได้ เพราะจะต้องเจอกับอาการปากแตก ตาเขียวคล้ำ หัวโน รอยฟกช้ำ และอาการอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน จริงๆ แล้ว ซึ่งถ้าคิดให้ดี นี่บทเรียนที่จะทำให้ลูกน้อยระวังตัวในครั้งต่อไปได้เอง ดีกว่าไม่เคยเจ็บ อยู่แบบสบายๆ แต่ไม่ได้เรียบรู้เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวเลย

เด็กบางคนเรียนรู้คำเตือนได้อย่างรวดเร็ว หลังจากคว่ำโต๊ะกาแฟเป็นครั้งแรก ลูกน้อยจะล่าถอยไป 2-3 วัน แล้วจากนั้นก็ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนเด็กคนอื่นๆ ที่ชอบทำอะไรตื่นเต้นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เรียนรู้ในการระมัดระวัง ไม่รู้จักความกลัว ไม่รู้จักความเจ็บปวด หลังจากหกล้มหัวคะมำไปได้ห้านาที ก็กลับมาหกล้มหัวคะมำกันอีกแล้ว

การเรียนรู้ที่จะเดินเป็นการลองผิดลองถูก หรือพูดให้ชัดๆ ก็คือเดินแล้วต้องล้ม คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการนี้ได้ แต่ควรจัดเตรียมสถานที่ เตรียมความพร้อมที่ทำให้การหกล้มนั้นมีความปลอดภัยมากที่สุด ในขณะที่การชนเข้ากับขอบโซฟาอาจทำให้เขาเสียน้ำตา แต่การชนเข้ากับมุมแหลมๆ ของโต๊ะกระจก ก็อาจทำให้เขาเลือดออกได้ คุณต้องแน่ใจว่าภายในบ้านนั้นมีความปลอดภัยสำหรับลูกน้อย แม้ว่าเขาจะล้มก็จะไม่เกิดอาการบาดเจ็บที่รุนแรงได้ และถึงแม้ว่าคุณจะเคลื่อนย้ายสิ่งที่อาจเป็นอันตรายออกจากเส้นทางของลูกน้อยหมดแล้ว ก็ควรจำไว้ด้วยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีคนคอยดูเพื่อระวังให้เขาอยู่ตลอด

การบาดเจ็บที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบ้านที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแล้ว แต้คุณก็ต้องมีการเตรียมตัวไว้ให้พร้อม และรู้ว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้วต้องทำยังไง คุณอาจไปเข้าคลาสเรียนการปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตลูกน้อยก็ได้

ปฏิกิริยาของพ่อแม่มักมีผลต่อทารกในการตอบสนองกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ถ้าการหกล้มนั้นทำให้พ่อแม่ตื่นตระหนก รีบลนลานเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมกับพร่ำถามลูกน้อยว่า “เป็นอะไรมั้ย?” อย่างซ้ำ การแสดงออกที่เกินความจำเป็นแบบนี้ จะทำให้เด็กยิ่งร้องไห้ แม้เขาจะไม่ได้เจ็บจริงๆ ก็ตาม แล้วในไม่ช้าเขาจะกลายเป็นเด็กที่ระมัดระวังเกินเหตุ และไม่ชอบที่ทำอะไรเสี่ยงๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าการตอบสนองของผู้ใหญ่อยู่ในอาการสงบ “อ้าว…หกล้มเหรอ ไม่เป็นไรนะ ลุกขึ้นได้แล้ว”  เด็กก็จะลุกขึ้นโดยไม่รู้สึกตกใจอะไร

สิ่งที่ต้องเป็นกังวล

ต้องกังวลในเรื่องใด

เด็กในสัปดาห์ที่ 45 คุณอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับการหย่านมขวด คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากการดื่มนมจากขวดเป็นการดื่มนมจากถ้วยได้อย่างราบรื่นขึ้น

  • ทำการหย่านมในเวลาที่เหมาะสม
  • ทำอย่างช้าๆ
  • เก็บขวดให้ห่างจากสายตา
  • ทำอะไรให้ถ้วยดูน่าตื่นเต้นขึ้น
  • เตรียมพร้อมกับความเลอะเทอะ
  • ไม่ต้องหวังอะไรมาก
  • สอนโดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
  • คิดในทางที่ดีเข้าไว
  • อดทนเข้าไว้
  • ให้ความรักมากเป็นพิเศษ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Murkoff, Heidi. What to Expect, The First Year. New York: Workman Publishing Company, 2009. Print version. page 459 – 470

27 Week Old Baby Development. https://www.parents.com/baby/development/27-week-old-baby-development/

Your 27 Week Old Baby – Development, Milestones & Care. https://parenting.firstcry.com/articles/your-27-week-old-baby/

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/01/2023

เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

เด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอ มากเกินไป ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

เลือกกิน กินยาก เด็กเป็นแบบนี้เพราะสื่อโฆษณาหรือเปล่า


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 27/01/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา