ตัวเหลือง หรือดีซ่านในทารกแรกเกิด อาจเกิดจากการมีปริมาณสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ในเลือดมากเกินไป โดยบิลิรูบินเป็นสารประกอบสีเหลืองที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงสลายตัวผ่านกระบวนการในตับ ร่างกายจะขับสารบิลิรูบินออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่ตับของทารกแรกเกิดอาจยังไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินได้ดีเท่าที่ควร ทำให้มีสารบิลิรูบินตกค้างและอาจส่งผลให้ตัวเหลือง และหากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองได้
คำจำกัดความ
ตัวเหลือง คืออะไร
ตัวเหลือง หรือดีซ่าน (Jaundice) ในทารกแรกเกิด เป็นภาวะที่มักเกิดจากการมีสารบิลิรูบินในเลือดมากเกินไป โดยบิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการย่อยสลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเก่าผ่านกระบวนการในตับ โดยปกติร่างกายจะกำจัดสารนี้ออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่เนื่องจากตับของทารกแรกเกิดอาจยังทำงานได้ไม่เต็มที่และกำจัดบิลิรูบินได้ไม่ดีนัก จึงอาจส่งผลให้มีสารบิลิรูบินตกค้าง และทำให้ทารกตัวเหลืองหรือเป็นดีซ่านได้ หากสารบิลิรูบินเข้าสู่สมอง อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้สมองถูกทำลายถาวร หรือมีความพิการทางสมองจากภาวะตัวเหลือง ที่เรียกว่า เคอร์นิกเทอรัส (Kernicterus) ซึ่งอาจสังเกตได้จากอาการซึม ชักเกร็ง มีไข้ หรือหากปล่อยไว้นานอาจทำให้การเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น แขน ขา ลูกตา ผิดปกติ ทารกมีพัฒนาการล่าช้า เป็นต้น
ประเภทของภาวะตัวเหลือง
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดมีด้วยกันหลายประเภท เช่น
- ภาวะตัวเหลืองปกติ เป็นประเภทที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด ทารกมีภาวะตัวเหลืองหลังจากคลอดมาแล้ว 3 วัน อาการตัวเหลืออาจมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาการจะดีขึ้นเมื่อตับของทารกเริ่มทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนใหญ่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทารกจะหายภาวะตัวเหลือง
- ภาวะตัวเหลืองที่สัมพันธ์กับการรับประทานนมแม่ (Breastfeeding Jaundice) อาจเกิดจากทารกได้รับนมไม่เพียงพอ เนื่องจากการให้นมลูกไม่ถูกท่า ทำให้ลูกดูดนมได้น้อย น้ำหนักทารกไม่ขึ้น อุจจาระยังเป็นขี้เทา ยังไม่เป็นสีเหลืองทอง หรือกรณีถ้ามีน้ำนมแม่เพียงพอ ทารกจะมีน้ำหนักตัวขึ้นดี อุจจาระสีเหลืองทอง หรือทีเรียกว่า เหลืองจากนมแม่ (Breast Milk Jaundice) แบบนี้ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ทารกสามารถกินนมแม่ต่อไปได้ ภาวะตัวเหลืองจะค่อย ๆ หายไปเอง
- ภาวะตัวเหลืองจากหมู่เลือดแม่กับลูกไม่เข้ากัน เป็นประเภทที่พบได้น้อย พบในคู่ที่แม่มีเลือดหมู่โอกับลูกเลือดหมู่เอหรือบี หรือคู่ที่แม่มีเลือดหมู่ Rh- กับลูกเลือดหมู่ Rh+ ทารกมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ถ้าเป็นรุนแรงมาก อาจเห็นทารกมีภาวะตัวเหลืองตั้งแต่แรกคลอด ทารกที่มีภาวะตัวเหลืองหรือดีซ่านชนิดนี้จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม
- ภาวะตัวเหลืองจากโรคท่อน้ำดีตีบ โดยเป็นความผิดปกติของการหลั่งน้ำดี อาจเกิดจากท่อน้ำดีอุดตัน มักแสดงอาการเมื่ออายุประมาณ 2-8 สัปดาห์ โดยทารกจะมีอาการตัวเหลือง อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม เป็นต้น ต้องรีบวินิจฉัยเพราะอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัด
ตัวเหลืองพบได้บ่อยแค่ไหน
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทั้งนี้ อาการตัวเหลืองอาจดีขึ้นภายใน 10-14 วันหลังคลอด เมื่อตับของทารกเริ่มทำงานได้ดีขึ้น
อาการ
อาการของภาวะตัวเหลือง
อาการที่พบบ่อยเมื่อทารกแรกเกิดมีภาวะตัวเหลือง เช่น ผิวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเป็นสีเหลืองหรือมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด หรือในบางครั้งอุจจาระยังเป็นสีขี้เทา และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
- ร้องไห้ไม่หยุด
- นอนหลับมากกว่าปกติ
- ปัสสาวะน้อย
- ไม่ยอมกินนม
- มีไข้ อาเจียน
- ศีรษะ คอ หรือหลังโก่งผิดปกติ
- ดวงตาเคลื่อนไหวผิดปกติ
โดยปกติ อาการมักปรากฏหลังทารกลืมตาดูโลกประมาณ 2-3 วัน และอาการมักจะดีขึ้นจนหายไปเองโดยไม่ต้องรักษาภายใน 2 สัปดาห์
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากทารกมีอาการตัวเหลืองมากขึ้น และอาการที่กล่าวมาข้างต้นรุนแรงขึ้น ควรพาทารกไปพบคุณหมอทันที คุณหมอจะได้วินิจฉัยและรักษาได้อย่างเหมาะสม
สาเหตุ
สาเหตุของภาวะตัวเหลือง
ภาวะตัวเหลืองอาจมีสาเหตุจากการทารกแรกเกิดมีสารบิลิรูบินในกระแสเลือดมากเกินไป ภาวะนี้อาจเป็นเรื่องปกติในทารกแรกเกิด เนื่องจากทารกมีเซลล์เม็ดเลือดแดงจำนวนมากในเลือด และตับของทารกแรกเกิดยังไม่พัฒนาเต็มที่ จึงอาจทำให้กำจัดบิลิรูบินออกจากเลือดได้ไม่ดีนัก
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะตัวเหลือง
ทารกแรกเกิดที่ประสบภาวะตัวเหลืองอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยง ดังต่อไปนี้
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติการเป็นภาวะตัวเหลือง ทารกแรกเกิดก็อาจมีแนวโน้มตัวเหลืองได้ และในบางโรค เช่น โรคพร่องเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD Deficiency) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทารกตัวเหลืองได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคอื่น ๆ หากสงสัยคุณหมอมักจะเจาะเลือดตรวจเพิ่มเติม
- การคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากระบบภายในของทารกยังพัฒนาได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงอาจส่งผลให้ไม่สามารถกำจัดสารบิลิรูบินออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
- การกินนมแม่ไม่เพียงพอ หากทารกได้รับนมหรือของเหลวไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ไม่สามารถขับของเสียรวมถึงบิลิรูบินออกมาได้
- การติดเชื้อ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกอาจยังไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของทารก
- โรคตับ ตับมีหน้าที่ในการกำจัดสารบิลิรูบิน หากมีปัญหาเกี่ยวกับตับอาจส่งผลให้กำจัดสารบิลิรูบินได้ไม่ดีเท่าที่ควร
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยภาวะตัวเหลือง
คุณหมออาจวินิจฉัยภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การตรวจอาการภายนอกของทารก เช่น สีผิว สีตาขาว
- การตรวจปัสสาวะ โดยเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจสอบหาการติดเชื้อ
- การตรวจเลือด เพื่อวัดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง ตรวจหมู่เลือดของแม่กับทารกว่าเข้ากันหรือไม่ และตรวจหาแอนติบอดี
- ตรวจวัดสารตัวเหลืองผ่านทางผิวหนัง
การรักษาภาวะตัวเหลือง
ภาวะตัวเหลืองอาจดีขึ้นได้ภายใน 10-14 วันโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา อย่างไรก็ตาม หากมีอาการนานกว่านั้นคุณหมออาจรักษาด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- การให้ทารกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ โดยอาจต้องให้ทารกกินนมแม่มากขึ้น เพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารที่จำเป็นและมีน้ำหนักตามเกณฑ์ อวัยวะและระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะได้พัฒนาตามวัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากมีปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับนมผงที่สามารถให้ทารกรับประทานได้อย่างปลอดภัยและไม่ทำให้ขาดสารอาหาร
- การบำบัดด้วยแสง (Phototherapy) แสงที่ใช้จะเป็นแสงสีน้ำเงินหรือแสงสีฟ้าจากหลอดไฟชนิดพิเศษ ที่ช่วยปรับโครงสร้างและรูปร่างของโมเลกุลสารบิลิรูบิน ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดสารนี้ออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ในขณะส่องไฟรักษาตัวเหลือง ทารกแรกเกิดจะต้องสวมเพียงผ้าอ้อมและสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา โดยการรักษาวิธีนี้อาจต้องใช้เวลา 1-2 วัน สารบิลิรูบินจึงจะลดลง
- การฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (Intravenous immunoglobulin หรือ IVIg) เป็นการฉีดอิมมูโนโกลบูลินเข้าเส้นเลือด อิมมูโนโกลบูลิเป็นโปรตีนในเลือดที่อาจสามารถลดระดับแอนติบอดีของทารก และอาจช่วยบรรเทาอาการตัวเหลืองได้
- การเปลี่ยนถ่ายเลือด หากทารกแรกเกิดมีภาวะตัวเหลืองรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล อาจต้องรักษาด้วยการถ่ายเลือดของทารกออกจากร่างกาย และทดแทนด้วยเลือดของผู้บริจาค
- การใช้ยาในการรักษาบางกรณี
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลที่อาจช่วยรับมือกับภาวะตัวเหลือง
การเปลี่ยนวิธีให้นมหรือให้สารอาหารแก่ทารกดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดระดับสารบิลิรูบินในเลือด และช่วยให้อาการของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดดีขึ้นได้
- การให้นมบ่อยขึ้น อาจช่วยกระตุ้นการขับสารบิลิรูบินออกมาทางปัสสาวะหรืออุจจาระ โดยทารกควรได้ดื่มนมแม่ 8-12 ครั้ง/วัน หรือหากคุณแม่มีปัญหาในการให้นม ควรให้ทารกดื่มนมผงสำหรับทารกอย่างน้อย 1-2 ออนซ์ ทุก 2-3 ชั่วโมงในสัปดาห์แรก ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนให้ทารกดื่มนมผง
- การให้อาหารเสริม หากมีปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือน้ำนมแม่ไม่เพียงพอ คุณหมออาจแนะนำให้ป้อนนมผงสำหรับทารกเป็นเวลา 2-3 วัน แล้วจึงกลับไปให้ทารกแรกเกิดกินนมแม่ เพื่อป้องกันทารกขาดสารอาหาร หรือน้ำหนักน้อยเกินเกณฑ์ จนส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ
[embed-health-tool-vaccination-tool]